การพิจารณาดวงกำเนิด ไม่ว่านำมาจากตำราเล่มใหนก็ตาม หรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นจากสำนักใดก็ตาม ให้ดูว่า เวลาพยากรณ์เหตุการณ์ปัจจุบันแล้ว สามารถออกคำพยากรณ์ได้หรือไม่ เนื่องจากแต่โบราณ ได้กำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับดวงกำเนิดไว้มากมาย แต่เวลาจะพยากรณ์เหตุการณ์ปัจจุบันแล้ว ไม่สามารถออกคำพยากรณ์ได้ (การพยากรณ์เหตุการณ์ในปัจจุบัน ดาวจรต้องทำปฎิกิริยากับดวงกำเนิดก่อน เหตุการณ์ดีหรือร้ายจึงจะปรากฎขึ้นได้)

1..กรณีดาวพระเคราะห์สลับเรือน หรืออนุเกษตรสลับเรือน โหรแต่โบราณเชื่อว่า มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับเกษตร ต่างกันแต่ว่า ก่อนที่จะมีความหมายเป็นเกษตรได้นั้น ต้องผ่านความหมายตามตำแหน่งดาวดั้งเดิมเสียก่อน จึงจะมีความมั่นคง ความอุดมสมบูรณ์ตามความหมายของเกษตรในภายหลัง (เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล)

2,3,4...จากประสบการณ์ของผม ตำแหน่งต่างๆของดาวเคราะห์ในดวงกำเนิดจะมีความแม่นยำสูงมากอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องพิจารณาถึงดวงนวางค์ ดวงนวางค์มีไว้สำหรับคำนวณดวงฤกษ์พิชัยสงครามเท่านั้น

5..เสาร์เล็งลัคน์ เสาร์สถิตในภพปัตนิ ดวงแตกเรื่องคู่ครองครับ

6..ต้องดูว่า องศาของลัคนาและดาวเสาร์เป็นอย่างไร ถ้าองศาใกล้เคียงกัน คุณสมบัติที่ไม่ดีของดาวเสาร์ก็ถึงลัคนาครับ คือ เจ้าชะตามีคุณสมบัติที่ไม่ดีของดาวเสาร์อยู่ในตัว ส่วนดาว ๑ และ ๕ ก็เป็นปัจจัยส่งเสริมวาสนา(ตนุ)ของเจ้าชะตา ต้องดูด้วยว่า ดาว ๑ และ ๕ ต้องไม่เป็นดาวเจ้าเรือนจากทุสถานะภพ คือ ภพอริ มรณะและวินาศ ถ้าเป็นวินิจฉัยดาว ๑ และ ๕ เป็นดาวเสื่อมครับ เป็นต้นเหตุนำพาความหมายของทุสถานะภพมาสู่ภพตนุ

7..คงไม่จริงครับ ทั้งดาว ๗ และ ๘ ต่างก็เป็นดาวบาปเคราะห์ เมื่อมาอยู่เล็งกัน ต่างก็ให้โทษซึ่งกันและกัน ทำให้โทษของดาว ๗ และ ๘ เพิ่มมากขึ้น ถ้าดาวทั้ง 2 ดวง สถิตอยู่ในภพอริและวินาศ ดูว่า ดาว ๗ และ ๘ เป็นเจ้าเรือนภพอะไร คุณสมบัติของดาว ๗ และ ๘ เสื่อม (เพราะสถิตทุสถานะภพ) เป็นต้นเหตุนำพาความหมายของเรือนมาสู่ภพอริและวินาศครับ