ไม่ทราบว่าผูกดวงด้วยปฏิทินดาราศาสตร์ของใคร ในเมืองไทยมีอยู่ 2 ระบบ คือ ระบบสุริยาตร์ ของอ.ทองเจือ อ่างแก้ว และระบบลาหิรี ของอ.เทพย์ สาริกบุตร ปฏิทินของทั้ง 2 ระบบ ดาวเคราะห์จะตกนวางค์และตรียางค์ไม่เหมือนกันครับ

การตั้งคำถามโดยไม่มีดวงชะตาแบบนี้ โอกาสที่จะวิเคราะห์ผิดพลาดเป็นไปได้สูงมากครับ

ดาวเคราะห์สถิตราศีดี ภพดี แต่นวางค์หรือตรียางค์เสื่อม ก็บั่นทอนความดีของดาวและภพนั้นๆ โดยปกติแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปพิจารณาดวงชะตาถึงนวางค์และตรียางค์ (นวางค์และตรียางค์ มีไว้เพื่อคำนวณดวงฤกษ์พิชัยสงครามเท่านั้นครับ) การพิจารณาจากดาวเคราะห์และภพต่างๆในพื้นดวงชะตา คือ ดวงราศีจักร หรือ ดวงกำเนิด มีความแม่นยำสูงมากครับ และการพิจารณาดาวเคราะห์และเรือนชะตาในดวงกำเนิดก็ยากมากๆด้วย ไม่มีความจำเป็นต้องไปพิจารณาอะไรอีกครับ

* ดาวพฤหัสกุมลัคน์ในราศีกุมภ์ ดาวพฤหัสเป็นเจ้าเรือนภพกดุมพะ เมื่อมาสถิตร่วมลัคนา ก็เป็นปัจจัยส่งเสริมวาสนาของเจ้าชะตาครับ
* ดาวเสาร์สถิตภพกัมมะ เป็นกาลกิณี ได้ตำแหน่งราชาโชค และเป็นเจ้าเรือนจากภพวินาศด้วย เป็นทั้งกาลกิณีและเจ้าเรือนภพวินาศ ให้โทษสูงมากเป็นทวีคูณครับ คุณสมบัติของราชาโชคก็ไม่ส่งผล ดาวเสาร์เป็นต้นเหตุนำมาซึ่งความเดือดร้อนยุ่งยากและนำมาซึ่งความสูญเสียและความเป็นอัปมงคลทั้งปวง (ความวิบัติและความหายนะ) มาสู่ภพกัมมะครับ เมื่อไรที่มีดาวบาปเคราะห์โคจรมาให้โทษกับดาวเสาร์ดวงนี้ เหตุการณ์ก็จะปรากฎขึ้น และจะสูญเสียความเป็นราชาโชคครับ
* ดาวอาทิตย์สถิตภพสหัชชะ ตำแหน่งมหาอุจ ดาวอาทิตย์ก็เป็นปัจจัยส่งเสริมเรื่องราวของภพสหัชชะครับ ดาวราหูสถิตภพนี้ ก็เป็นปัจจัยส่งเสริมเช่นเดียวกัน แต่การให้คุณของราหู ต้องผ่านการมีอุปสรรคก่อนเสมอไป โชคลาภและความสำเร็จใดๆ ต้องได้มาด้วยการต่อสู้แข่งขันและช่วงโอกาสเท่านั้นครับ พิจารณาภพสหัชชะเป็นเพื่อน เจ้าของดวงชะตามีทั้งเพื่อนดีและไม่ดีครับ

การพิจารณาดวงเสื่อมหรือไม่เสื่อม ขอให้พิจารณาจากดาวที่สถิตทุสถานะภพ คือ ภพ อริ มรณะและวินาศครับ ดวงชะตาของผู้ใดมีดาวสถิตอยู่ในภพเหล่านี้ ถือว่า เป็นดวงชะตาเสื่อมครับ เนื่องจากได้เคยทำบาปกรรมเอาไว้ในอดีตชาติ บาปกรรมนั้นจะกลับมาให้โทษกับเจ้าของดวงในชาติปัจจุบัน ตามกฎแห่งกรรมครับ