การผูกดวง คลิกดูรายละเอียด
ภาพแผ่นหมุนลัคนา
วงกลมแผ่นบน ซึ่งเป็นเวลาอันโตนาฑี ได้รับการปรับให้เป็นเวลาโลกหมุนรอบตัวเอง โดยใช้อัตราการหมุนรอบตัวเองของโลก 4 นาฑี ต่อ 1 องศา ซึ่งจะได้ค่าสมผุส(พิกัด)ของลัคนา ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด โดยใช้ภาพดวงจักรราศีวิภาค ปิดทับแผ่นอันโตนาฑีของเดิม
การอ่านแผ่นหมุนลัคนา
1 แผ่นล่าง (ใหญ่) แบ่งออกเป็นช่องๆ มีตัวเลขตั้งแต่ 1 - 24 คือ ตัวเลขที่ใช้แทนเวลาเป็นชั่วโมง ใน 1 วัน = 24 ช.ม. แต่ละช.ม.แบ่งออกเป็นช่องเล็กๆอีกขีดละ 2 นาฑี ขีดใหญ่มีตัวเลขกำกับที่ 10 นาฑี
2 แผ่นบน (เล็ก) นับจากวงกลมชั้นนอกสุด แบ่งเป็นขีดเล็กๆรอบวงกลม 360 ขีด คือ ขีดละ 1 องศา รอบวงกลมมี 12 ราศี ใน 1 ราศี = 30 ขีด หรือ 30 องศา
3 แผ่นบน (เล็ก) จะมีชื่อบอกราศีต่างๆ วงกลมถัดมาจะเป็นช่องบอกนวางค์ 108 นวางค์ ถัดมาเป็นช่องตรียางค์ มี 36 ตรียางค์ ถัดมาเป็นช่องฤกษ์ มี 27 ฤกษ์
การวางลัคนาด้วยแผ่นหมุน
1 ดูที่แผ่นลัคนาแผ่นใหญ่(ด้านล่าง) ให้เอาเลข 6 นาฬิกา เป็นจุดยืน
2 ดูว่า ดาวอาทิตย์ อยู่ในราศีอะไร?
3 หมุนแผ่นลัคนาให้จุดเริ่มต้นของราศีนั้นอยู่ตรงกับเลข 6 นาฬิกา
4 ดูว่า องศาของดวงอาทิตย์มีเท่าไร ให้หมุนแผ่นลัคนาแผ่นบนให้เท่ากับองศาของดาวอาทิตย์
5 ดูว่า เวลาเกิดของเจ้าของชะตาตรงกับเวลาเท่าไร ก็ไล่ราศีไปยังเวลาเกิด โดยไม่ต้องหมุนแผ่นลัคนา (ต้องจับให้แน่น อย่าให้แผ่นลัคนาขยับเคลื่อนที่ได้) เวลาเกิดตรงกับราศีอะไร ราศีนั้นเป็นที่สถิตของลัคนา
คำศัพท์เกี่ยวกับการโคจรของดาวเคราะห์ที่ใช้ในปฎิทินดาราศาสตร์
ย้าย คือ การเปลี่ยนราศีตามปกติ
เสริด คือ การโคจรของดาวเร็วกว่าปกติ
พักร์ คือ การโคจรถอยหลังเข้าสู่ราศีนั้น
มณฑ์ คือ การโคจรที่ไม่สม่ำเสมอ ช้าบ้าง เร็วบ้าง หยุดบ้าง ถอยบ้าง
สุริยคติและจันทรคติ
สุริยคติ ได้แก่ การถือเอาการโคจรของดวงอาทิตย์เป็นหลัก ซึ่งได้แก่ วันที่ 1 , 2 , 3 เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. และ พ.ศ. ระบบสุริยคติถือเอาเวลา 24.00 น. เป็นเวลาสิ้นวัน และถือเอาเวลา 24.01 เป็นเวลาขึ้นวันใหม่ ส่วนเดือนและ พ.ศ. จะสิ้นไปพร้อมกับ วันที่ 31 ธ.ค. และเริ่ม พ.ศ. ใหม่ พร้อมกับวันที่ 1 ม.ค. ของทุกปี
จันทรคติ ได้แก่ การถือเอาการโคจรของจันทร์เป็นหลัก ซึ่งได้แก่ วันจันทร์ อังคาร พุธ ฯ เดือนอ้าย(๑) เดือนยี่(๒) เดือน 3 , 4.. และปีนักษัตร คือ ปีชวด ฉลู ขาล เถาะ ฯ ระบบทางจันทรคติถือเอาเวลาอาทิตย์อุทัยหรือที่เรียกว่ารุ่งอรุณ โดยนับจากเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันหนึ่ง (เวลาเฉลี่ย 6.00 น.) ถึง เวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันรุ่งขึ้น (เวลาเฉลี่ย 6.00 น.) ส่วนเดือนทางจันทรคติ นับจากวันเพ็ญขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันแรม 14 - 15 ค่ำ เป็น 1 เดือน และปีนักษัตร คือ ปีชวด ฉลู ขาล จะสิ้นไปพร้อมกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 และ วันเริ่มปีนักษัตรใหม่ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี
ดวงชะตา
จาก "ดวงจักรราศี" จะมาเป็น "ดวงชะตา" ได้นั้น จะต้องมีลัคนาเข้ามาประกอบ จึงจะเกิดเป็นดวงชะตาได้
คำว่า "ลัคนา" หมายถึง จุดเวลาเกิดของเจ้าชะตาในจักรราศี โดยนับตั้งต้นจากจุดอาทิตย์อุทัย และการคำนวณหาตำแหน่งของลัคนาได้นั้น จะต้องประกอบด้วยหลักใหญ่และสำคัญยิ่ง 2 ประการ คือ
1 เวลาเกิดของเจ้าชะตา
2 องศาของดวงอาทิตย์ เมื่อดวงอาทิตย์โคจรอยู่บนเส้นระนาบสุริยวิถี นับเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง
คลิกดูการคำนวณสมผุสลัคนา
การใช้ปฎิทินดาราศาสตร์
แนะนำให้ใช้ของ อ.เทพย์ สาริกบุตร ท่านที่มีคอมพิวเตอร์ แนะนำให้ใช้โปรแกรม "โฮ๋ราสาด" ของอ.สุรพล พฤกษ์ไพบูลย์ จัดจำหน่ายโดยคุณวิชิต เตชะเกษม (สามารถปรับใช้ได้ทั้งปฎิทินของอ.ทองเจือ อ่างแก้ว และ ของอ.เทพย์ สาริกบุตร) ปรับค่าในโปรแกรม ให้เป็นคำนวณตามแบบสากลตัดอายนางศะ
อายนางศ์ คือ ค่าความต่างระหว่างการกำหนดให้ดวงอาทิตย์โคจรเข้าสู่ราศีเมษ ตามปฎิทินสุริยยาตร์ คือ วันที่ 13 เม.ย. กับ การกำหนดให้ดวงอาทิตย์โคจรเข้าสู่ราศีเมษตรงตามความเป็นจริงบนท้องฟ้า คือ วันที่ 21 มี.ค. (เรียกว่า "วันวิษุวัต" หรือวันสงกรานต์ท้องฟ้า หรือวันขึ้นปีใหม่ท้องฟ้า Vernal Equinox)
ตัวอย่างปฎิทินดาราศาสตร์ อ.เทพย์ สาริกบุตร (นิรายนะวิธี หรือ ลาหิรี)
ตัวอย่างโปรแกรม "โฮ๋ราสาด" ของอ.สุรพล พฤกษ์ไพบูลย์ สั่งซื้อได้ที่ www.horawej.com
(ภาพใบดวงเป็นเวอร์ชั่นเก่า ปัจจุบันนี้มีเวอร์ชั่นใหม่รุ่น Professional)
ตัวอย่างโปรแกรมปฎิทินดาราศาสตร์ขององค์การนาซ่า Astrolog 32
ความหมายของภพ คลิกดูนัยยะแห่งเรือนชะตา
ภพที่ 1 ตนุ หมายถึง เกียรติยศชื่อเสียง ตัวของเจ้าชะตา อำนาจวาสนา ตำแหน่งหน้าที่การงาน เครดิต และพฤติกรรม
ภพที่ 2 กฎุมพะ (กดุมพะ) หมายถึง การเงิน ทรัพย์สิน สมบัติ หลักฐาน ผลประโยชน์ของเจ้าชะตา รายได้
ภพที่ 3 สหัชชะ หมายถึง เพื่อน การสังคม การติดต่อ การเดินทางที่ไม่ต้องค้างแรม เดินทางที่ใกล้ๆ ผู้ที่เจ้าชะตาติดต่อด้วย
ภพที่ 4 พันธุ หมายถึง ญาติ อาคารสถานที่ ที่อยู่รวมญาติ ยานพาหนะ ที่ดิน หมู่คณะ บ้าน ครอบครับ รถ เรือ
ภพที่ 5 ปุตตะ หมายถึง บุตร ผู้ใต้บังคังคัญชา คนใช้ เด็กๆ ผู้อ่อนอาวุโส สิ่งของและความคิดริเริ่มใหม่ๆ ความสนุกสนาน ความบันเทิงทางโลกีย์วิสัย ความคึกคะนอง ความประมาท การทำอะไรแบบง่ายๆ การเสิ่ยง
ภพที่ 6 อริ หมายถึง ศัตรู คู่แข่งขัน อุปสรรค ความขัดแย้ง ความยุ่งยาก ความเดือดร้อน การกระทบกระแทก การชิงไหวชิงพริบ อุบัติเหตุ การต่อสู้
ภพที่ 7 ปัตนิ หมายถึง หุ้นส่วนชีวิต คนรัก คู่สมรส สามี ภรรยา ฝ่ายตรงข้าม คนต่างเพศ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างจังหน้า การกินเงินเดือน การลงทุน หุ้นส่วนทางธุรกิจ
ภพที่ 8 มรณะ หมายถึง การเจ็บป่วย ตาย สูญหาย ความเสื่อม การพลัดพราก ความผิดหวัง การเดินทางไกลที่มีทุกข์ การหย่าร้าง ผลประโยชน์ที่พึงได้ มรดก
ภพที่ 9 ศุภะ หมายถึง ผู้ใหญ่ ผู้อุปถัมภ์ ที่พึ่ง ที่พักอาศัย การเดินทางไกลอย่างสวัสดิภาพ ความสุข ความสำเร็จ หัวหน้างาน ราบรื่น ผู้บังคับบัญชา การเกี่ยวเนื่องกับต่างประเทศ
ภพที่ 10 กัมมะ หมายถึง การงาน อาชีพ ภาระที่เจ้าชะตาต้องทำหน้าที่ สิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ตำแหน่งหน้าที่การงาน การกระทำ การเรียน
ภพที่ 11 ลาภะ หมายถึง ลาภ ความสำเร็จ ความสมหวัง นายหน้า หาลำไพ่พิเศษ ชัยชนะ สิ่งที่พึงได้รับ
ภพที่ 12 วินาศ หมายถึง ความวิบัติ ความล้มเหลว ความลับ สิ่งที่ปกปิด การซ่อนเร้น สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน ล่มสลาย
**ลัคนาอยู่ในราศีอะไรก็ตาม ภพตนุจะต้องตั้งต้นตรงกับราศีนั้นเสมอไป ส่วนภพอื่นๆ คือ กฎุมพะ สหัชชะ ฯลฯ จะอยู่เรียงถัดกันไปตามลำดับ โดยเวียนไปทางซ้ายของราศี ราศีละภพ จนครบ 12 ภพ (จากซ้ายไปขวา ทวนเข็มนาฬิกา)
วิธีจะฝึกให้เกิดความแตกฉานในเรื่องความหมายของภพ จะต้องหัดนำเอาสิ่งต่างๆที่ได้พบหรือได้เห็นมา ลองจัดเข้าภพดู และเพื่อไม่ให้เกิดการสับสน ควรที่จะแยกออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 คน
2 สิ่งของ
3 สถานที่
ต่อหน้า 3