
ต่อจากบทนำ
แต่ความเป็นจริงของวิชาโหราศาสตร์ นักปราชญ์ผู้หยั่งรู้ในสมัยโบราณ ได้ใช้ปรากฎการณ์ต่างๆของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดาวพระเคราะห์ต่างๆ เป็นเพียงสื่อกลางหรือตัวแทน เพียงเพื่อพยากรณ์ความเป็นไปของชีวิตมนุษย์เท่านั้นเอง เนื่องจากมนุษย์สามารถที่จะมองเห็นปรากฎการณ์ของดวงดาวต่างๆได้ แม้ว่าจะไม่สามารถสัมผัสได้ แต่มนุษย์ไม่สามารถที่จะมองเห็นและสัมผัสพลังงานเหนือธรรมชาติได้ ซึ่งพลังงานเหนือธรรมชาตินี้เองเป็นตัวกำหนดสภาพความเป็นอยู่ของชีวิตมนุษย์ทุกคนตามกฎแห่งกรรม
นักปราชญ์ผู้หยั่งรู้ดิน ฟ้า มหาสมุทร และมีจิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพลังงานเหนือธรรมชาติ กำหนดรู้ว่า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดาวพระเคราะห์ต่างๆ มีพลังงานเหนือธรรมชาติแฝงอยู่ (มนุษย์รู้จักพลังงานเหนือธรรมชาติดังกล่าว ในชื่อของเทพเจ้าหรือเทวดา) คุณสมบัติของพลังงานเหนือธรรมชาติที่กล่าวถึงนี้ คือ 1 เป็นพลังงานที่สามารถกำหนดรู้ได้ด้วยตน 2 เป็นพลังงานบริสุทธิ์ 3 เป็นพลังงานที่มีความศักดิ์สิทธิ์
นักปราชญ์ผู้หยั่งรู้ทราบว่า พันธุกรรมจากบิดา มารดา เป็นตัวกำหนดรูปร่างหน้าตาของบุตร ทราบว่า สภาพแวดล้อมจะเป็นตัวกำหนดบุคลิกภาพและลักษณะผิวพรรณ และทราบว่า สภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ทุกคน ถูกกำหนดโดยบุพกรรมแต่ชาติปางก่อน (บุพกรรมแต่ชาติปางก่อนและผลแห่งปัจจุบันกรรม ถูกกำหนดและควบคุมดูแลโดยพลังงานเหนือธรรมชาติทั้งสิ้น) แต่เนื่องจากมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นและสัมผัสพลังงานดังกล่าวนี้ได้ จึงได้กำหนดเอาดวงดาวต่างๆ ทั้งดาวฤกษ์และดาวพระเคราะห์ ซึ่งมนุษย์สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นแผนที่ชีวิตของมนุษย์ทุกคน เพื่อให้มนุษย์ทราบว่า ชีวิตของเจ้าชะตา จะเดินไปทางไหน? เดินทางอย่างไร? จะพบอะไรบ้าง? และจะสิ้นสุดลงเมื่อใด? และเพื่อให้ทราบว่า วิญญานที่มาจุติในร่างของตน ทำบุญทำบาปไว้มากน้อยระดับใดในชาติปางก่อน โดยใช้เวลาเกิดของทุกคนเป็นสำคัญ ซึ่งนักโหราศาสตร์กำหนดไว้ คือ ลัคนา ด้วยเหตุนี้เอง วิชาโหราศาสตร์จึงสามารถที่จะพยากรณ์อดีต ปัจจุบันและอนาคตของชีวิตมนุษย์ทุกคนได้ โดยใช้ตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ เป็นกฎเกณฑ์ในการพยากรณ์
(ดูการคำนวนสมผุสลัคนา)
อนึ่ง สถิติต่างๆในวิชาโหราศาสตร์ถูกกำหนดและควบคุมดูแลโดยพลังงานเหนือธรรมชาติทั้งสิ้น นักโหราศาสตร์ที่ใช้วิชาสถิติศาสตร์ในการพยากรณ์ ถือว่าเป็นการถูกต้อง
ที่มาของคำถามและคำตอบจากบอร์ดพยากรณ์ดอทคอม โดย อ.สมภพ
ถาม ชีวิตคนจะต้องเป็นไปตามดวงใช่หรือไม่ มีโอกาสจะไม่เป็นไปตามดวงชะตาหรือเปล่า หรือว่าจะต้องเป็นตามดวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตอบ ชีวิตคนจะเป็นไปตามดวงแน่นอนที่สุด เพราะได้ดวงชะตาแล้วในเวลาที่..อุแว้..ครั้งแรก จะเป็นไปตามกรรมที่ซัดมาในชาตินี้ แต่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตามสิ่งที่ทำในชาตินี้ด้วย ว่ากันว่า กรรมที่ไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงเลยมีเพียงอนันตริยกรรม ๕ ประการ ได้แก่
1.ฆ่าพ่อ
2.ฆ่าแม่
3.ฆ่าพระอรหันต์
4.กระทำโลหิตตุบาท(ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต...ไม่มีใครทำให้พระองค์เสียพระโลหิตได้..เว้นไว้แต่ทรงอนุญาต)
5.กระทำสังฆเภท(ยุพระสงฆ์ไม่ให้ลงโบสถ์สวดมนต์ร่วมกัน)
แต่ในความเป็นจริงแล้วการกระทำกับบุคคลชั้นรองๆลงมาก็...หนักแย่แล้ว..!!!ไม่ต้องถึงอนันตริยกรรม..!! เช่น ทำให้พ่อแม่น้ำตาตก , ทำร้ายพระโสดาบัน-สกทาคามี-อนาคามี ( ท่านอาจไม่รู้ตัวว่าทำเพราะมีพระอริยสงฆ์ที่เป็นฆราวาส หลายคน ...และบางทีอยู่ใกล้ๆตัวท่านด้วย..!!!!)หรือ ขโมยของสงฆ์ , โกงที่วัด ฯ
กรรมที่เกิดขึ้นหนักมากมีโทษในนรก หลายแสนหลายล้านปีนรก(ปีนรกมากกว่าปีมนุษย์ ~ 100-10,000 เท่าแล้วแต่ว่านรกขุมไหน) โดยหลักที่ถูกต้องแล้วถ้าใครเพียรพยายามแก้กรรมของตนเองหรือคนที่รักบ่อยที่สุดและมากที่สุด...ไม่น่าจะใช้เวลาเกิน ๗ ปีกรรมจะเบาลงไปมาก...แต่ที่เห็นมาไม่เคยมีใครทำ แม้แต่คนที่มีเงินเป็น พัน-หมื่น-แสนล้าน แต่ไม่มีศรัทธาที่จะทำบุญแม้แต่แค่ 1,000 บาท อย่าลืมว่ากรรมที่จะเกิดขึ้น สั่งสมมานานแค่ไหนไม่มีใครทราบ..ดังนั้นบุญที่จะทำเพื่อไปทานกรรมร้ายต้องมีน้ำหนักเพียงพอในการต่อสู้เพื่อชัยชนะ เพราะเสียเปรียบเรื่องเวลาเยอะมาก แต่ถ้าไม่ได้ทำบุญไว้รับรอง เชื่อได้เลยว่าต้องเป็นไปตามดวงแน่นอน เพราะเทพทุกองค์ที่ควบคุมโลกมนุษย์มีอำนาจมากจริงๆ และกำหนดให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามดวงชะตาแน่นอนที่สุด/