Welcome to
ห้องโหรแว่นทิพย์
ศาสตร์แห่งปัญญาเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
เนื่องจากมีความสับสนระหว่างการกำหนดว่า ราศีที่มีความเหลื่อมล้ำกันระหว่างราศีไทย และราศีฝรั่ง เลยขอมองจากด้านดาราศาสตร์เป็นเกณฑ์ เพราะแท้จริงแล้ว ที่มาของสองระบบนี้ ก็คือตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า อันเป็นที่มาของวิชาดาราศาสตร์นั่นเอง ขออภัยที่ต้องเขียนคำสันสกฤตด้วยภาษาอังกฤษ ที่ใส่สันสกฤตลงไปด้วยก็มั่วเอาเป็นหลักค่ะ ขออภัยถ้าหากผิดไปนะคะ
ราศีไทย ได้มาจากตำราพระเวทย์(Veda)ของฮินดู ซึ่งนับอายุย้อนหลังไปได้ 5-6000 ปี โดยชาว ภารตะ ได้รู้จักเอาตำแหน่งของดวงจันทร์มากำหนดวันเวลา จากตำแหน่งของดวงจันทร์ที่เคลื่อนผ่าน กลุ่มดาว ในแต่ละคืน เป็นแต่ละนักษัตร จากการที่ ดวงจันทร์ โคจรรอบโลก(และรอบตัวเอง) ไปตามเส้นรอบวงโคจรครบ 1 รอบ(sidereal month) ในเวลา 27.32144 วัน(solar day) เดือนทางนักษัตรที่กำหนดให้มี 27 วันเต็มๆ จึงขาดไป 1/3 วัน ทำให้ต้องมีการชดเชยในภายหลัง
จากภาพจะเห็นว่า หากเอาวันพระจันทร์เต็มดวง ที่เรามองเห็นจากโลกเป็นหลัก (ภาพ a) เมื่อดวงจันทร์เดินทางไปครบเส้นรอบวงรอบโลกได้ 1 รอบ (ภาพ b) ที่เรียกว่า sidereal month นั้น จะใช้เวลา 27.32144 วัน แต่ถึงตอนนั้นแล้ว โลกก็เดินทางเคลื่อนออกไปจากจุดที่เรานับเริ่มแรก เพราะโลกเองก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ คนบนโลกก็จะเห็นว่า พระจันทร์ยังไม่เต็มดวง คือตำแหน่งของดวงจันทร์ โลก และ ดวงอาทิตย์ ไม่ได้เรียงอยู่บนเส้นตรงแล้ว ดวงจันทร์ต้องเดินทางต่อไปอีกหน่อย ให้มากกว่าเส้นรอบวงรอบโลก 1 รอบ จึงจะตามโลกได้ทันให้คนบนโลกเห็นว่า ดวงจันทร์เต็มดวงอีกที จึงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น เดือนๆหนึ่งทางจันทรคติ ตามสายตาชาวโลก จึงใช้เวลา 29.53059 วัน (ภาพ c) เรียกว่า synodic month
(ภาพจาก Universe: Origins & Evolutions โดย Ted Snow and Kenneth Brownsberger)
และมีการกำหนดให้แต่ละเดือนนักษัตร มี 30 วัน ด้วยการแบ่งดวงจันทร์เป็นเสี้ยวส่วน เวลา 1วัน ทางนักษัตร ที่เรียกว่า Thiti จะมีเวลาสั้นกว่า เวลาที่นับด้วยดวงอาทิตย์เป็นหลัก(solar day) และกำหนด 15 thiti ก่อนวันเพ็ญเป็น Shukla paksha(ศุขลปักษ์?) และ 15 วันหลังเป็น Krishna paksha(กฤษณปักษ์?)
ปฤิทินนักษัตรใช้กันในอินเดียโบราณ เดือนทางจันทรคติ เรียกตามกลุ่มดาวที่ดวงจันทร์วันเพ็ญโคจรไปพบ คือ Chitra, Vishakha, Jyeshta, Ashaada, Sharavna, Bhadrapda, Ashwija, Kaartika, Margashira, Pushya, Maagha, Phalguna. (จิตรา วิสาขา เชษฐา อัษฎา ศรวณา พัตราภา อัศวิชา การติกา มฤคศิรา ปุษยา มาฆะ ผลคุณี ?) ดังนี้ นับเป็นระบบ ภารติยนักษัตร แต่เดิม นักษัตรเหล่านี้ อาจเป็นดาวเดี่ยวๆดวงเดียว
จากการเอาคนบนโลกเป็นจุดอ้างอิง ก็ดูเหมือนดาวเคลื่อนไปบนท้องฟ้า หาใช่โลกหมุนไปไม่
คนโบราณเชื่อว่ามีโดมลูกกลมๆครอบเหนือหัวเรา และดาวทั้งหลายก็ติดอยู่บนโดมที่เคลื่อนไปรอบๆ เรียกว่า Celestial Sphere เป็นดังภาพข้างล่าง โดยระนาบศูนย์สูตรของ celestial sphere นี้คือ ระนาบศูนย์สูตรของโลก และ จุดเหนือหัว (zenith) ของโดมสมมตินี้ ก็คือขั้วโลกเหนือนั่นเอง

แต่เรารู้กันแล้วว่า โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่แกนหมุนของโลก เอียงทำมุม 23.5 องศา กับ ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ที่เรียกว่า Ecliptic Plane

ดังนั้น ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ก็ทำมุม 23.5 องศากับระนาบศูนย์สูตรของโลก หรือ celestial plane ไปด้วย ตามสายตาของคนที่ยืนบนโลก จะดูเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์(รวมทั้งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ) โคจรข้ามท้องฟ้า ในแถบทางเดินเดียวกัน เรียกว่า Ecliptic
ในภาพ พื้นสีฟ้าคือระนาบศูนย์สูตร ที่เป็น celestial equator ด้วย ทำมุม 23.5 องศากับ ecliptic plane คือพื้นสีเหลือง (ขออภัยที่ต้องย่อรูปจนอ่านตัวหนังสือไม่ออก ไม่งั้นแปะไม่ติดค่ะ)
เมื่อมองจากโลก ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ จะโคจรบนฟ้าไปตามแนว Ecliptic แต่ละคืนที่ผ่านไป เนื่องจากตำแหน่งของโลก(และดวงจันทร์ที่ตามโลกไปด้วย) จะหันออกสู่จักรวาลในทิศที่ต่างๆกันไป ทำให้ดูเหมือนว่า ดวงจันทร์ไปพ้องกับดาวที่ต่างกันไปทุกคืน คนอินเดียโบราณ จึงผูกเป็นตำนานว่า พระจันทร์ไปเยี่ยมชายาคืนละองค์ ณ ตำหนักต่างๆกันทุกคืน คือกลุ่มดาว นักษัตร เหล่านี้ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปคืนละคน จนครบรอบ 27 องค์นักษัตร กลุ่มดาวที่มีตำแหน่งพ้องกับระนาบ ecliptic จึงกลายมาเป็นนักษัตรทางจันทรคติไป

แต่อารยธรรมตะวันตก ที่ถือกำเนิดมาในดินแดน เมโสโปเตเมีย ได้ใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนดวันเวลา โดยเริ่มจากชาว Chaldean และ Akkadian (ในอิรัค และอียิปต์ปัจจุบัน) มีหลักฐานปรากฏ ว่าในครั้งแรกที่ได้ได้เริ่มใช้จักรราศีตามตำแหน่งของกลุ่มดาวที่พ้องกับ ตำแหน่งของ ดวงอาทิตย์ เป็นหลักนั้น เป็นเวลาที่นับย้อนไปในปี 1800 ก่อนคริสตกาล การใช้ปฏิทินที่มีดวงอาทิตย์เป็นตัวชี้ จึงมีความแม่นยำกว่า ปฏิทินทางจันทรคติมาก เพราะปีทางสุริยคติ ใกล้เคียงกับ เวลาที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์มากกว่า จึงทำให้ทำนายฤดูกาลได้แม่นยำกว่า อันส่งผลให้ ปลูกพืชผลได้ผลดีกว่า

กลุ่มดาวที่พ้องกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์ 12 กลุ่ม จึงเรียกว่าเป็น จักรราศี(Zodiacs) ส่วนกลุ่มดาวอื่นๆ ที่อยู่เหนือและใต้ ecliptic plane ออกไป ก็ไม่ได้นักเป็น จักรราศี เพียงเรียกเป็นกลุ่มดาว(Constellations)เท่านั้น (ซึ่งขอเว้นไว้ไม่กล่าวในที่นี้นะคะ)
เมื่ออินเดียได้รับอิทธิพลอารยธรรมตะวันตกที่เข้ามาภายหลังจากที่ พระเวทย์ ได้ถูกกำหนดลงไปอย่างแน่นอนแล้ว นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า พราหมณ์อินเดียได้ผสมผสาน ตำราทางจักรราศีทางตะวันตก เข้ากับ ระบบนักษัตรของพระเวทย์เก่า มาเป็น Jyotishya Shaastra (ชโยทิศยศาสตรา ?) ในราว 400 ปีก่อนคริสตกาล และรับเอา จักรราศี มาใช้ แต่ความที่ เดือนทางจันทรคติ เหลื่อมกันกับ เดือนทางสุริยคติ การนับราศี โดยเอาปฏิทินจันทรคติเป็นเกณฑ์ จึงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันไปด้วย เพราะต้องเอา 27 นักษัตร มาแปลงลงให้เข้ากับ 12 จักรราศี ด้วยการแบ่งนักษัตรเป็น 1/4 โดยให้ 9/4 นักษัตร เท่ากับ 1 ราศี ( = 2.25 นักษัตร)
ตำแหน่งของกลุ่มดาวที่เห็นได้บนท้องฟ้า ก็ยังมีความสูงต่ำจากขอบฟ้าต่างไป ตามแต่ว่า ผู้สังเกตการณ์จะอยู่ที่ไหนบนโลก

แต่ต้องใช้เวลานานเป็นพันๆปี จึงจะสังเกตการเปลี่ยนแปลงนี้ออก เนื่องจากระบบนักษัตรนี้มีอายุห้าหกพันปีแล้ว ตำแหน่งของดาวนักษัตรจึงเปลี่ยนไปบ้าง คนรุ่นหลังที่พยายามควานหาว่าดาวดวงไหน อยู่นักษัตรอะไรเมื่อเทียบกับตำแหน่งดาวสมัยใหม่ จึงได้แต่อาศัยตำราพระเวทย์มาเทียบให้ใกล้เคียงที่สุดกับตำแหน่งดาวปัจจุบันที่เปลี่ยนไปแล้ว จึงจำต้องอนุโลมว่า ตำแหน่งนักษัตรเหล่านี้ มีเฉออกไปบ้างจากแนว ecliptic ไป 5 องศา จากตัวอย่างภาพข้างล่าง โดย S. Balakrishna, Ph.D. แสดง 3 นักษัตร คือ กฤติกา โรหินี และ มฤคศิร ซึ่งพ้องกับกลุ่มดาววัว Taurus ซึ่งมีเขาสองข้างที่ El Nath และ Zeta Tauri พ้องกับ มฤคศิรนักษัตร และ หน้าวัวคือกลุ่ม Hades ไปพ้องกับ โรหินี และ กระจุกไพลอาดีส(หรือ ดาวลูกไก่) บนไหล่วัว ไปพ้องกับ นักษัตร กฤติกา เป็นต้น

อ้่างอิง
S. Balakrishna, Ph.D, "Names of Stars from the Period of Vedas",
http://www.geocities.com/vijayabalak/stars/nakshathra.html
Nick Strobel, "Astronomy Without a Telescope",
http://astronomynotes.com/nakedeye/nakedeya.htm
Eirik L. Harris, "Astronomy of Vedic India", http://arcturus.pomona.edu/india/as-india.html
Porter Wiseman, "The Context of Vedic India"
http://arcturus.pomona.edu/india/as-india.html
และคำสันสกฤตสำหรับ นักษัตร ที่ใช้บางส่วน มาจากที่คุณ วีณาแกว่งไกวไปตั้งกระทู้ไว้ที่ห้องมองอดีตที่กระทู้
http://pantip.inet.co.th/cafe/klaibann/topic/H860645.html ค่ะ ขอขอบคุณคุณวีณาฯด้วยนะคะ
โดยคุณ พวงร้อย จากเว็บวิชาการ.คอม