คุณและโทษของดาวเคราะห์ตรึงลัคน์และตรึงบาปเคราะห์
ตัวอย่าง ดาวพระเคราะห์ตรึงลัคน์
|

|
1..ลัคนาสถิตราศีเมษ เสาร์หรือราหูเล็งลัคน์ อังคารและอาทิตย์เข้าทับ ย่อมให้โทษรุนแรงมาก อาจถึงเสียชีวิต |

|
2..ลัคนาสถิตราศีเมษ เสาร์โยคหน้า ราหูโยคหลัง หรือบาปเคราะห์ใหญ่ดวงใดก็ได้ เช่น มฤตยู จะโยคหน้าหรือหลังไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า ต้องมีดาวทั้งหน้าและหลัง แบบนี้ ดวงเข้าที่อับมาก นับว่ามีเคราะห์ร้าย ถ้ามีอังคารทับลัคน์ด้วยก็ต้องระวัง เพราะกระแสดาวเชื่อมโยงถึงกันหมด ต้องระวังอุบัติเหตุ เจ็บป่วย และเรื่องร้ายต่างๆ เช่น ถูกขโมย หรือถูกจับกุมตัว เป็นต้น |

|
3..ลัคนาสถิตเมษ ราศีมุมตรีโกณหรือร่วมธาตุ คือ ราศีสิงห์และธนู มีดาวบาปเคราะห์ใหญ่โคจรอยู่ทั้ง 2 มุม เช่น เสาร์ ราหและมฤตยู ถ้าอังคารทับลัคน์และมีอาทิตย์ร่วมเสริมด้วย ดาวตรึง 3 มุมเช่นนี้ให้โทษสูงยิ่งนัก |

|
4..ลัคนาสถิตเมษ ราศีมุมจตุโกณทุกจุด คือ กรกฏ ตุลย์ มังกร เมษ มีบาปเคราะห์โคจรอยู่ทุกมุม จงระวัง จะมีเคราะห์ร้ายสูงมาก และไม่ยิ่งหย่อนกว่า 3 ลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น |

|
5..ลัคนาสถิตเมษ มีบาปเคราะห์ใหญ่ขนาบหน้าหลัง ในราศีมีนและพฤษภ ยิ่งมีบาปเคราะห์อีกดวง มาทับลัคน์ด้วยแล้ว จงระวัง ชะตาร้ายนัก
....ถ้ามีบาปเคราะห์อยู่ในภพวินาศต่อลัคนาแล้ว บังเอิญมีอังคารโคจรมาอยู่ข้างหน้า คือ ภพที่ 2 แบบนี้ถือว่า ดวงไม่ดี ย่อมเกิดโทษทุกข์ |

|
6..ลัคนาสถิตเมษ มีบาปเคราะห์ใหญ่สถิตภพอริ มรณะ คือ ราศีกันย์และพิจิก จัดว่าถูกเบียนอย่างหนัก ยิ่งมีบาปเคราะห์มาเล็งหรือมาทับลัคน์เสริมอีกดวงหนึ่ง ก็ย่อมเคราะห์ร้ายหนัก |
สรุป......ดาวบาปเคราะห์ขนาบทั้ง 2 ด้าน ย่อมมีอิทธิพลสูง ก่อให้เกิดโทษทุกข์ได้อย่างมหันต์
ถ้าเป็น...ดาวศุภเคราะห์สถิตตามตำแหน่งมุมที่กล่าวมาแล้วทั้ง 6 ลักษณะ ย่อมจะส่งผลดีให้ แสดงว่า จะมีโชคใหญ่ จะได้ลาภผล และมีจังหวะดีของชีวิตในระยะนั้น
ตัวอย่าง ดาวพระเคราะห์ตรึงบาปเคราะห์ สำหรับพยากรณ์ดวงเดิม
|

|
1..เสาร์สถิตราศีเมษ ถ้ามีศุภเคราะห์โยคหน้าและโยคหลัง และมีดาวจันทร์ร่วมมุมเสริมอีกดวง (จะไม่มีก็ได้) ย่อมถือว่า ให้คุณแก่เสาร์ เสาร์เป็นเจ้าเรือนภพใด เรื่องราวของภพนั้นเป็นปัจจัยส่งเสริมภพที่ดาวเสาร์สถิต |

|
2..เสาร์สถิตราศีเมษ มีอังคารสถิตโยคหน้า ราหูสถิตโยคหลัง หรือจะเป็นบาปเคราะห์อื่นใดก็ได้ สถิตทำมุมโยคหน้าและหลังกับเสาร์พร้อมกันเช่นนี้ ย่อมถือว่าให้โทษแก่เสาร์ เสาร์เป็นเจ้าเรือนภพอะไร เรื่องราวของภพนั้นๆเป็นต้นเหตุ นำโทษทุกข์ให้แก่ภพที่ดาวเสาร์สถิตอยู่ |

|
3..เสาร์สถิตราศีเมษ ถ้าบาปเคราะห์รับกันโดยสถิตครบมุมจตุโกณและมุมเล็ง แบบนี้ย่อมเกิดโทษแก่เสาร์และภพของเสาร์ ถ้าในมุมเหล่านั้น มีศุภเคราะห์แทนที่ ก็จะให้คุณ |

|
4..เสาร์สถิตราศีเมษ มีบาปเคราะห์ขนาบหน้าหลัง แบบนี้ก็เกิดโทษกับเสาร์ ตรงกันข้าม ถ้าเป็นศุภเคราะห์ขนาบ ย่อมจะให้คุณดีมาก ยิ่งมีศุภเคราะห์ร่วมราศีเดียวกับเสาร์ด้วยแล้ว ยิ่งให้คุณดีนัก แม้ศุภเคราะห์เดินนำหน้าเสาร์ก็ย่อมให้คุณยิ่ง นำหลายๆดวงก็ยิ่งดี |

|
5..เสาร์สถิตราศีเมษ มีบาปเคราะห์สถิตอยู่ในภพอริ มรณะ ในราศีกันย์และพิจิก ย่อมให้โทษ ยิ่งมีบาปเคราะห์สถิตร่วมกับเสาร์ด้วยแล้ว ถือว่าร้ายนัก เรียกว่า มุมปลายศร พึงระวังให้จงหนัก ถ้ามุมเหล่านี้ มีดาวศุภเคราะห์แทนที่ ก็ย่อมจะเปลี่ยนเป็นให้คุณได้ |

|
6..เสาร์สถิตราศีเมษ มีบาปเคราะห์สถิตขนาบในมุมตรีโกณ คือ ราศีสิงห์และธนู แบบนี้ย่อมให้โทษ ถ้าเป็นศุภเคราะห์มาเข้ามุมแบบนี้ ก็จะให้คุณแก่เสาร์อย่างมาก ยิ่งมีศุภเคราะห์โคจรร่วมกับเสาร์อีกดวงหนึ่ง ก็ยิ่งดีนัก ย่อมให้คุณความดีแก่ภพที่เสาร์ครองอยู่ด้วย |
|
|
|
|
|
|
|
ดาวอาทิตย์หรือดาวอัพยากฤต มักเป็นฝ่ายส่งเสริมให้อิทธิพลแก่ดาวเคราะห์ต่างๆ ถ้าไปร่วมกับศุภเคราะห์ ก็ส่งเสริมให้คุณทางด้านลาภผล ความสุขและความเจริญ ถ้าไปร่วมกับบาปเคราะห์ ก็มักจะให้โทษ ก่อให้เกิดอุปสรรคและความทุกข์ต่างๆ ดังเช่น
|

|
10..เสาร์โคจรเข้าเมษ มีบาปเคราะห์อยู่ราศีธนู ถ้ามีอาทิตย์โคจรเข้าสิงห์ ทำมุมตรีโกณร่วมธาตุ 120 องศา เช่นนี้ ก็เท่ากับว่าได้เสริมกำลังให้แก่บาปเคราะห์ในราศีธนู เบียนเสาร์หนักข้อยิ่งขึ้น |

|
11..ในขณะเดียวกัน ถ้าราศีธนู มีศุภเคราะห์สถิตอยู่ เช่น พฤหัสบดี และราศีสิงห์มีอาทิตย์โคจรเข้า ก็จะส่งผลดีให้แก่เสาร์ที่โคจรอยู่ ณ ราศีเมษ |
จากตัวอย่าง...ขอให้เข้าใจว่า ดาวเสาร์หรือดาวเคราะห์อื่นใดจะอยู่ราศีใดก็ได้ ถ้ามีบาปเคราะห์หรือศุภเคราะห์โคจรมาทำมุมในลักษณะดังกล่าว ย่อมส่งผลดีและร้าย ตามอำนาจของบาปเคราะห์และศุภเคราะห์ที่มาสัมพันธ์ถึงทั้งสิ้น |