you never know what you gonna get
Forest Gum
โดย คุณจิ๊บ ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=joobjib&group=116

บางทีการที่เราไม่รู้อะไรเลยว่าจะเจออะไร เจอใครมาก่อน มันก็ดีเหมือนกันนะ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน เจอก็เจอ ไม่เจอก็ไม่เจอ การล่วงรู้อนาคตมากไป หรือการคาดเดาอะไรกับสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น อาจจะทำให้เราตัดสินใจพลาด เพราะคิดว่า น่าจะใช่ น่าจะถูก เพราะเราอาจจะไป เร่ง กระบวนการการสร้างความสัมพันธ์ การทำความรู้จักซึ่งต้องใช้ระยะเวลาตามธรรมชาติ ซึ่งไม่เป็นผลดีเลยสำหรับ ความรัก
ตอนแรกที่สนใจศึกษาโหราศาสตร์
ก็เพียงเพราะอยากรู้ว่าทำไม ทำไมความรักของเรามันถึงได้ ห่วยแตก นัก
มีความรักทีไร ต้องมีเรื่องพลัดพราก จาก ห่างไกลกันทุกที
แฟนคนแรก ก็เป็นคนเชียงราย อยู่ไกลกัน
คนที่สองก็เรียนอยู่อังกฤษเป็นสิบกว่าปี ไม่ค่อยได้เจอกัน
คนที่สาม อันนี้ไม่แน่ใจว่าควรเรียกว่าแฟนหรือเปล่า ก็อยู่ต่างจังหวัด
ทุกๆครั้งที่มีความรัก มักต้องอยู่ห่างไกลกันเสมอ
และสุดท้าย ต้องจบลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ด้วยหน้าที่การงาน ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างที่ทำให้ต้องห่าง พลัดพรากจากกันไป

พอศึกษาโหราศาสตร์ไทยลึกๆมากๆเข้า
โดยอาศัยการอ่าน และคุยกับผู้รู้ อาจารย์หลายๆท่าน
ก็เข้าใจถึงพื้นดวงตัวเอง ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้เป็นแบบนี้
แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกันนะ
สำหรับการดูพื้นชะตาตัวเองออก มันจะคาดเดาถึงเหตุการณ์
ตัวบุคคล สถานการณ์ในอนาคต จากดาวจรที่มากระทบพื้นดวงเดิม
แล้วแปลออกเป็นเรื่องๆ เป็นการทำนายอนาคต
ซึ่งมันอาจจะ ถูก แม่น ตรงเป๊ะ ตามลักษณะดาวจรที่มากระทบหรือไม่ก็ได้
ซึ่งตำราโหราศาสตร์ทั่วไปที่เขียนออกมามากมาย
มันอ้างอิงจากแหล่งกำเนิดหรือ ตำราเก่าๆ เดียวกัน
โศลก โคลงทำนายที่เหมือนๆกัน
อย่างเช่น
พฤหัสจันทร์ปั้นตัวหาผัวเมีย มิให้พักต้องเสียขันหมากหมั้น
อังคารจันทร์เมถุนธนูคู่สำคัญ มักอาจหาญการชู้คู่เจ้าเครา
อังคารร่วมราหูครูท่านทัก มักแย่งรักเสพสู่คู่ของเขา
พุธศุกร์อีกคู่อย่าดูเบา มักมากเมาเสพสมจนซมซาน
พฤหัสเสาร์ เสาร์ราหูได้คู่ชิด มักแผกผิดพรากคู่ดูน่าขัน
กลับเอาทาสชาติชู้ขึ้นชูชัน ถ้าอยู่สิงห์กุมกันกักขลา
อังคารเสาร์กุมกันและจันทร์เล็ง มักซื้อเซ้งคู่ศักดิ์รักทาสา
ศุกร์ราหูหรือจันทร์กับศุกรา มักเคล้าคู่โจราระวังภัย
อาทิตย์จันทร์เรือนครูอาจารย์ว่า ถ้าทำการวิวาห์มักจะร้าย
พระเคราะห์คู่ที่มีอยู่ดังกล่าวนี้ หากตกที่ปัตตนิวุ่นวายใหญ่
ตกกดุมภะ กัมมะยิ่งเร้าใจ ตลอดวัยทั้งสามตามเวลา
เป็นนิจจ์เป็นประเป็นกาลี กุมศรีมนตรีไซร้ว่าไม่ดี
เป็นอุจจาวิลาศมูละดีนักหนา ตกตนุพันธุและลาภา.
เทพวิวาให้ดีสุขีเอยฯ
แต่เชื่อเถอะว่า มันไม่ได้เป็นไปตามโคลง เป็นไปตามโศลก ร้อยทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก
มันขึ้นอยู่กับพื้นดวงเดิม ดาวจรที่มากระทบ และ กรรมใหม่ที่เราสร้างขึ้นด้วย
ก็คงเหมือนกับแม่กุญแจ และลูกกุญเจ ที่มันคลิ๊กกันพอดี ที่จะเปิดประตูเหตุการณ์นั้นได้
แม่กุญแจคือ พื้นชะตาเดิม ลูกกุญแจคือดาวจร ส่วนคนไขคือการกระทำในปัจจุบันของเราเอง
ซึ่งมันต้องลงล็อคพอดี ดาวแนบสนิทองศา สนิทนวางค์ที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นๆได้
จะเห็นได้ว่า การดูดวงจะแม่นหรือไม่แม่นนั้น มีปัจจัยหลายอย่างมาก
ไม่ใช่เคยเห็นดาวแล้วทายตูม โครมเดียวลงไปเลยว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ตัวเราเอง พอศึกษาพื้นดวงของตัวเองมากๆเข้า
ก็เข้าใจว่า ทำไม ทำไมชะตาชีวิต ในด้านครอบครัว ในด้านความรักมันถึงเป็นอย่างที่เห็น
เมื่อไปอ่านหนังสือธรรมะของท่านพุทธทาส , หลวงพ่อจรัญ, พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี
แม่ชีศันสนีย์, พี่ดังตฤณ, พี่ฐิตินาถ และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้เอ่ยนาม
ก็ยิ่งทำให้เข้าใจลึกซึ้งเข้าไปใหญ่ว่าทำไม เราถึงต้องเกิดมาในพื้นดวงแบบนี้
ณ วันนี้ เวลานี้ ดวงดาวต่างๆทำมุมกันแบบนี้ ทำไมถึงไม่เกิดช้ากว่านี้
หรือเกิดกับพ่อแม่ ครอบครัวอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวนี้
มันเป็นเพราะกรรมเก่าที่เราสร้างมา เป็นตัวออกแบบ
จัดสรรพื้นดวงให้ตัวตนในภพภูมิใหม่
จัดสรรให้เราต้องได้เจอคนที่มีกรรมในลักษณะเดียวกันให้ต้องมาข้องเกี่ยวกัน
ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว วงศาสคณาญาติ เพื่อน พี่น้อง
หรือแม้กระทั่งคนผ่านทาง ที่บังเอิญเดินเข้ามากระทบไหล่
กระแทกใจกันช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ให้จำต้องมีโอกาสได้ชดใช้กรรมที่เราเคยกระทำ
และไปเอาคืนกับคนที่เคยทำกรรมกับเรา
เริ่มต้นมากะจะเขียนเรื่อง การล่วงรู้อนาคตไม่ใช่เรื่องดี
ก็ไม่ดีจริงๆนั่นแหล่ะ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า
เป็นเรื่อง อจินไตย ไม่ควรคิด คิดแล้วจะ หลง ไปผิดทาง ซึ่งไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง
เพราะกำลังจะบอกว่า พอรู้อะไรมากๆเข้าก็จะคิดไปเองว่า
ตัดสินเอาเองว่า สิ่งนี้ที่กำลังเข้ามาในชีวิต ใช่ หรือ ไม่ใช่
โดยพิจารณาตามดวงดาว ที่จรมากระทบ
ซึ่งมันอาจไม่ถูกต้องตามเหตุผลที่เขียนมาแล้วเบื้องต้น
มันก็เป็นการ เร่ง ความสัมพันธ์
เร่ง เหตุการณ์ที่ยังไม่ควรเกิด หรือไม่ควรเกิดขึ้นให้เกิดขึ้น
หรืออาจจะเป็นการ ตัด ทาง ในอนาคตที่มันควรจะมี
ซึ่งมันไม่เป็นผลดีสำหรับธรรมชาติของการ ใช้ชีวิต ใช้กรรม
แต่สุดท้าย เราเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า
สิ่งใดที่เรากระทำ มันย่อมส่งผลสนองให้เราชดใช้อยู่วันยังค่ำ
ไม่ว่าเราพยายามตัดรอนไม่ให้ผลมันบังเกิด
มันย่อมบังเกิดแก่เรา ตามเหตุที่เราได้กระทำไว้
หรือไม่ว่าเราพยายามสร้างเหตุให้บังเกิด
แต่ปัจจัยไม่ถึงพร้อม มันก็ไม่เกิดผลตามที่เราตั้งใจไว้
ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเกิดแต่ กรรม ทั้งอดีตกรรม และปัจจุบันกรรม
เมื่อเราทำ เหตุดี ผลดี ย่อมบังเกิด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอดีตกรรมของเรา
เอื้อให้ผลดี ส่งผลได้เต็มร้อยหรือไม่
ดังนั้น ในเมื่อเราไปแก้อดีตกรรมของเราไม่ได้
เราทำปัจจุบันกรรมของเราได้ ดุจดังการเอาน้ำใสสะอาดไปเจือจางน้ำเกลือเข้มข้น
กรรมเก่าไม่ได้หายไป แต่ถูกกรรมใหม่เจือจางให้ส่งผลกระทบต่อใจได้น้อยลง
ดังนั้น การดูดวง ถ้าเรารู้จักใช้ รู้จักนำมาก่อให้เกิดประโยชน์แก่การใช้ชีวิต
ไม่ใช่การหลงงมงาย สะเดาะเคราะห์ ให้เปลืองทรัพย์วุ่นวาย
แต่เป็นการแก้ที่ต้นเหตุของกรรม คือการรู้สาเหตุของกรรมที่เรากำลังชดใช้กันอยู่
และพยายามที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม ละความเคยชินเดิมๆ
ที่ทำให้เราหลงวนเวียนอยู่กับรูปแบบกรรมเก่าซ้ำซาก
ให้เป็นการทำกรรมใหม่ที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เราเผชิญ
อย่างเช่น ไม่สมหวังเรื่องความรัก ด้วยเพราะผิดศีลข้อสาม กาเมสุมิจฉาจาราฯ
ต้องยิ่งรักษาศีลข้อสามให้เต็มกำลัง เพื่อไป เจือจางกรรมเก่า
และเราก็จะ เข้าใจ และ ทำใจ กับสิ่งที่กรรมกำลังเอาคืนกับเราได้อย่างสบายใจ
โดยที่เราไม่ได้มัดตัวเองให้อยู่เฉยให้เป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างอับจนหนทาง
แต่เราพยายามแก้มัด โดยใช้ธรรมะเป็นเครื่องช่วยให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นเร็วขึ้นต่างหาก
ไปๆ มาๆ กลายเป็น พร่ำเรื่องธรรมะไปเสียแล้ว
เอาเป็นว่า นี่ก็เป็นอีกตัวตนหนึ่งของเรา ที่หลายๆคนอาจคิดไม่ถึงก็ได้
สวัสดี คืนวันเพ็ญ เดือนแปด ใกล้เข้าพรรษาแล้ว
รักษาศีล งดเหล้าบ้างก็ดีนะเพื่อนๆ ....29 ก.ค. 2550