จังหวัดที่ผมอยู่เป็นจังหวัดเล็กๆริมทางผ่านของถนนสายใหญ่เป็นเมืองชนบทที่มีธรรมชาติและผู้คนสงบ ครั้งหนึ่งโหราศาสตร์เคยรุ่งโรจน์ ณ ที่นี้ และทำให้ชื่อเสียงจังหวัดของเราโด่งดังมากในสมัยเมื่อท่านเจ้าคุณใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ ชื่อเสียงในการพยากรณ์ของท่านเล่าลือไปในหมู่โหรเกือบทุกจังหวัด แม้โหรผู้มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯก็เคยมานมัสการท่านอยู่เสมอ ท่านเจ้าคุณใหญ่จึงเสมือนสมบัติของเมืองนี้ ที่ชาวเมืองเคารพ รัก และภูมิใจ
เมื่อท่านมรณภาพ ล่วงมาจนบัดนี้ร่วม 20 ปี ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านยังคงอยู่ก็จริง แต่เพลิงโหราศาสตร์ในเมืองนี้กับวูบลง เหมือนเพลิงสิ้นเชื้อ นักโหราศาสตร์ที่เคยกระตือรือร้นเล่าเรียนเพื่อเอาดีทางนี้ ต่างเลิกรากันไปทีละคนสองคนจนถึงบัดนี้แทบจะเรียกว่าไม่มีเหลืออยู่เลย
นอกจากหลวงตาชื้น ซึ่งเคยมาอยู่รับใช้ปรนนิบัติวัตฐากท่านเจ้าคุณใหญ่อยู่ 2 - 3 ปี ก่อนท่านมรณภาพ แม้จะมิได้ เป็นศิษย์ที่ได้เล่าเรียนสั่งสอนกันโดยตรง แต่อยู่ใกล้ชิดได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ จึงพอจะจดจำมาได้ตามกำลังปัญญา เมื่อท่านย้ายมาจำพรรษาในเมือง กุฎิของท่านจึงมีแขกไม่เว้นแต่ละวัน นอกจากชาวบ้านร้านตลาดที่มีทุกข์มาขอความอนุเคราะห์จากท่าน ก็มีพวกนักโหราศาสตร์ที่ยังสนใจและไม่สันทัดจัดเจนมาชุมนุมกันถกเถียงไต่ถามท่านบ้าง มาดูลีลาการพยากรณ์ของท่านเพื่อเก็บเป็นความรู้
ในจำนวนนั้นก็มีผมอยู่ด้วยคนหนึ่งที่เป็นขาประจำไม่ขาด อันที่จริงความรู้ทางโหราศาสตร์มีอนาคตผมก็แค่งูๆปลาๆ เป็นนักเรียนก็แค่ประถม ๔ ที่ต้องยึดโหราศาสตร์ไว้เหนียวแน่น เพราะอาชีพผมเป็นหมอแผนโบราณ ผมชื่อเต็มๆว่า นายเถาวัลย์ แต่ใครๆทั้งเมืองเรียกผมสั้นๆเหลือแต่ “หมอเถา” เดิมอาชีพนี้จำเริญรุ่งเรืองดี แต่พอหมอฝรั่งมันเพ้อเต็มเมือง ผมก็เลยต้องลดฐานะลงมาเหลือแต่แผนกกุมารเวช คือรับกวาดยาเด็กเป็นอาชีพหลัก พวกพ่อแม่เด็กก็มักขอให้ตั้งชื่อเด็กบ้าง ผูกดวงเด็กบ้าง เพราะเขาถือว่าการผูกดวงเด็กเท่ากับผูกมิ่งขวัญเด็กให้เป็นสิริมงคล ผมจึงจำเป็นต้องกระตือรือร้น ขวนขวายเรียนวิชาโหราศาสตร์
วันนี้ก็เช่นเดียวกับวันก่อนๆพอตกบ่ายกะว่าพระฉันเพลเรียบร้อยแล้ว ผมก็แอบไปชวนครูก้อนเพื่อนคู่หูขึ้นกูฎิหลวงตาชื้นเช่นเคย
พอกราบเสร็จ ท่านก็ยกป้านชาคอของโปรดส่งมาให้อย่างรู้ใจ วันนี้เป็นวันพระ จึงมีขนมเหลือเพลกินแกล้มน้ำชา กินไปคุยไปสารพัดเรื่อง ตั้ง แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เรื่อยมาจนเรื่อดินฟ้าอากาศ
เสียงหมาใต้ถุนกุฎิเห่ากันขาม แข่งกับเสียงเรียกชื่อหลวงตา แสดงว่ามีแขกมา เณรขั้วซึ่งมีหน้าที่ปรนนิบัติและดูแลแขกก็ลุกไปประตูชานกุฎิ
เป็นผู้หญิงวัยกลางคน เหลียวหน้าเหลียวหลังคอยระวังสุนัขที่รุมเห่า ไม่ทันเห็นเณรที่ชะโงกประตู ยังคงตะโกนเสียงดัง “หลวงตา ขา อยู่ไม๊”
เณรชั้วอายุย่าง 16 ปีนี้ นิสัยติดข้างจะล้นๆ ตอบสวนควันทันที ” ขาของหลวงตาอยู่ทั้งสองข้างจ้ะ เดี๋ยวนี้ตัวของท่านก็อยู่กะขาของท่านน่ะแหล่ะ คุณนายเฮี๊ยะ”
แม่ค้าร้านชำในตลาดที่ชอบให้คนเรียกคุณนาย ทั้งยิ้มทั้งค้อนพร้อมกัน ประคองถาดรองถวายพระขึ้นบันไดกุฎิ ไม่ต่อล้อต่อเถียง ผ่านเฉลียงไปมุขหน้ากุฎิที่หลวงตาเอกเขนกอยู่
คุณนายเฮี๊ยะวิสาสะครูก้อนกับผมตามประสาคนคุ้นเคยกัน แล้วก็ก้มกราบหลวงตาชื้นประเคนถาดดอกไม้ธูปเทียนและใบชา
หลวงตาชื้นทอดผ้าอาบรับประเคนแล้วก็ทักทาย “เออ ไม่ได้พบกันเสียนาน ค้าขายดีอยู่หรือ”
“ไม่ค่อยดีเจ้าค่ะ” คุณนายเชื้อจีนตอบสำเนียงไทยชัดเจน “ตั้งแต่เตี่ยเต็กตาย ไม่มีใครช่วยค้าขายเลยเจ้าค่ะ มีลูกสาวกะเขาก็ไม่ได้พึ่งแรง มันทัศนาจรทุกวัน”
ครูก้อนร้องเอ๊ะ ! “ทัศนาจรกันยังไง ทุกวัน”
“ก็มันจรไปจรมา ไม่อยู่ติดร้านสักวัน” คุณนายเฮี๊ยะตอบยิ้มๆ
ทั้งผมและครูก้อนร้อง “อ้อ” เหมือนกับนัด
คุณนายเฮี๊ยะหันมาทางหลวงตา พูดถึงธุระที่มา “ดิฉันตั้งใจจะมาให้หลวงตาตรวจดวงชะตา ลูกบุษบาสักหน่อยเจ้าค่ะ หนูมันเกิดวันพฤหัส ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ เวลา 5 โมงเย็น เจ้าค่ะ” (๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๙)
หลวงตาชื้นถามยิ้มๆ เรียกชื่อเดิมของลูกส่วคุณนาย “ดูว่าเมื่อไร แม่ฮวยมันจะหายจรไปจรมายังงั้นเร้อะ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” แม่เฮี๊ยะตอบยานคาง “ปีนี้หนูบุษบาของอิฉันอายุย่างเข้า 26 ปีเข้าไปแล้ว ยังไม่มีเหย้าไม่มีเรือนเป็นฝั่งฝากะเขาสักทีกลุ้มใจเหลือเกินเจ้าค่ะ ธรรมเนียมจีนมันขายหน้าพ่อแม่”
ผมคันปากอดไม่ได้ก็เคาะเอาว่า “แล้วคุณนายเฮี๊ยะไม่ดูเนื้อคู่กะเขามั่งหรือ”
แม่เฮี๊ยะเหลียวขวับมาทางผม จะว่าค้อนก็ไม่เชิงเพราะนัยน์ตาเขียวปั้ดคงเข้าใจว่าถูกเกี้ยวพาราสี ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผมจัง ๆ “นี่หมอเถา ปีนี้อายุกี่ขวบแล้ว ผมก็ขาวโพลนไปทั้งหัว”
“ก็ 60 แหละ อีกนานกว่าจะตาย” ผมทั้งอายทั้งเคืองที่ถูกถอนหงอกอย่างไม่ไว้หน้า “ถ้ามีเมีย ก็เห็นพอจะมีลูกได้สัก 2-3 คนหรอก”
“นั่นน่ะซีย๊ะ” แม่เฮี๊ยะกระแทกเสีย “คนแก่ปูนนี้มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นสิริมงคลพรรค์นี้มันถึงต้องหากินจนแก่ตาย”
ผมหน้าร้อนผ่าว ขยับจะโต้คารมต่อไปอีก ก็พอดีถูกครูก้อนสะกิดจึงได้สติยอมนิ่ง นึกเสียว่าเสียเฟื้องดีกว่าเสียสลึง เพราะยังจำประวัติแม่เฮี๊ยะคนนี้ได้ว่าขนาด 5 ต่อ 1 รุมทะเลาะ ยังด่าไม่ทันแก “ฟังครูว่าสักหน่อยคุณนาย” ครูก้อนรีบขัดจังหวะเพื่อหย่าศึก ด้วยการเอาน้ำเย็นละลายยาหอมปลอบ “อ้ายเรื่องเช่นนี้มันธรรมดาโลกนะจ๊ะ ไม่น่าขุ่นเคือง ทั้งคุณนายก็ใช่ว่าจะแก่เฒ่าขี้ริ้วขี้เหร่เมื่อไร ยังสวยยังอิ่มเอิบ จะปล่อยให้อับเฉาร่วงโรยก็น่าเสียดาย หมอเถาแกถามด้วยความหวังดีหรอกจ๊ะ”
“อย่ามาจ๊ะมาจ๋าเลยครู เรื่องความหวังดีของผู้ชายน่ะ” แม่เฮี๊ยะชี้นิ้วกราดเฉียดหน้าจนทั้งผมและครูก้อนต้องหลบวูบ” ฉันเข็ดเสียแล้ว เมื่อแรกๆ แสดงตัวมาก็ทำท่าจะเป็นตัวเถ้าแก่ช่วยกันค้าขาย ลงท้ายก็จะเหมาะตำแหน่งลูกเขย ฉันขี้เกียจมีลูกกะหลานพร้อมกัน ลำดับญาติไม่ถูกเลยเฉดหัวหมด”
หลวงตาชื้นก้มหน้าก้มตาลงเลขผานาทีกระดานโหรอยู่พักใหญ่ๆ พอผูกดวงเสร็จ ท่านพิจารณาแล้วก็ยิ้มอยู่ในที เลื่อนกระดานโหรมาวางตรงหน้าผมกับครูก้อน
“เอ้าหมอเถากะครู ลองช่วยกันดูซิว่าเรื่องคู่ที่เขาถาม จะเป็นอย่างไร”
(วันนั้นเป็นวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2515 ) ทั้งผมและครูก้อนช่วยกันตรวจดวงชะตาแม่บุษบา(ฮวย) อย่างถี่ถ้วน ครูก้อนเป็นคนปัญญาไวกว่า ก็ทักขึ้นก่อนว่า “ถ้าว่ากันตามพื้นดวง ราหูเล็งลัคน์อย่างนี้ก็เป็นพินทุบาทว์เป็นดวงชะตาแตก ซ้ำเสาร์ยังเข้ามาเล็งลัคน์เป็นพินทุบาทว์ซ้ำสอง เรือนปัตนิเสียหมดทั้งเดิมทางจรยังงี้ เรื่องคู่ครองเห็นจะยังยากนะครับหลวงตา “เออว่าไป” หลวงตาชื้นหันมาทางผม “หมอเถาล่ะว่าเป็นอย่างไง” ผมสบตากับคูรก้อน เกรงใจที่ต้องขัดคอเพื่อน “ผมว่าถ้าเป็นดวงอื่นก็อาจจริงตามครูว่า แต่ตรงนี้ลัคนาเขาอยู่ราศีพิจิกเป็นกีฎะราศี ราหูเดิมเล็งอยู่นั้นเป็นองค์เกณฑ์ แม้เสาร์มาเล็งร่วมอนุโลมเป็นองค์เกณฑ์เช่นกัน มันควรจะเป็นคุณมากกว่าโทษเรื่องคู่มันน่าจะมีผล”
“แต่เสาร์จรเล็งลัคน์นี้ ผมไม่เห็นมันดีสักราย ไม่ว่าราศีไหนๆ ตำราเก่าๆทายร้ายทุกราย” ครูก้อนรู้สึกเสียแต้มจึงรีบแย้ง
“เลยไม่รู้เรื่องกัน” แม่เฮี๊ยะมองหน้าคนโน้นคนนี้เลิกลัก “ทั้งดีทั้งชั่วทั้งได้ทั้งไม่ได้จะว่ายังไงจ้าคะหลวงตา”
“เดี๋ยวอย่างเพิ่งขัด” ผมโบกมือห้าม “เสาร์ถึงราหูมันน่าจะได้เพื่อนร่วนชีวิตน่ะนา”
หลวงตาหัวร่อจนตัวคลอน “เอ้าว่าเข้านั่น มันก็ถูกทั้งสองคนนั่นแหละ เพราะตำราเขาว่าไว้ยังงั้น”
“ถ้าถูกทั้งผมกะหมอเถา แล้วจะทายเขายังกันล่ะครับ” ครูก้อนฉงน
“เออฟังให้ดีทั้งสองคน” หลวงตาลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิตัวตรง “องค์เกณฑ์หรือพินทุบาทว์น่ะ เขาเอาไว้อ่านดวงเดิม กฎเกณฑ์พวกนี้ยังมีอีกแยะ ของเก่าเขาก็ไม่ผิดหรอก แต่มันเหมือนตาลยอดด้วน เมาทายโดดๆไม่ได้ มันไม่มีทางเดิน กฎเกณฑ์มันขัดกันเข้า คนพยากรณ์มักหกล้มเสียก่อน”
หลวงตาชี้มือลงบนกระดานโหร “จะว่าข้างราหูเล็งลัคน์ในดวงเดิมเป็นพินทุบาทว์ ไม่ถึงกับว่าจะมีคู่กะเขาไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก เป็นแต่เพียงว่ามีคู่ช้า เพราะดาวมฤตยูร่วมราศีอยู่ด้วย อย่างรายแม่หนูบุษบานี่ก็อายุล่วงเข้า ๒๖ แล้วสมัยนี้ถือว่าช้ามาก เพราะเขาตบแต่งกันตั้งแต่อายุ 16-17 เสียโดยมาก แต่ว่าบทจะมีคู่ก็ปุบปับรวดเร็วตามอำนาจราหู” หลวงตาชื้นหยุดรินน้ำชาจิบแก้คอแห้งแล้วก็พูดต่อ “ที่ว่ามีคู่ช้าเพราะอะไร ถ้าเล่นแต่กฎเกณฑ์ มันก็เหมือนตาลยอดด้วนไม่มีทางเดินคำพยากรณ์ต่อได้ การเล่นโหราศาสตร์จะทิ้งภพทิ้งเรือนทิ้งดาวเขาไม่ได้ เพราะเป็นหลักใหญ่ ทั้งทางเดินคำพยากรณ์ก็เป็นเรื่องเป็นราว ยิ่งเพิ่มธาตุเพิ่มทักษาก็ยิ่งวิจิตรพิศดาร” ผมกับครูก้อนได้แต่นั่งอ้าปากฟัง เหมือนศิษย์ฟังครูสอน หลวงตาก้มลงดูกระดานแล้วก็อ่านดวงให้ฟังต่อ “ดูทางเรือนเขาราหูเจ้าเรือนพันธุมากุมเรือนปัตนิ ญาติมันคอยคุมเรื่องคู่ ดูศุกร์เจ้าเรือนปัตนิต่อไปอีกก็มาอยู่ภพศุภะ เรื่องคู่ครองมันหนีไม่พ้นผู้ใหญ่กะญาติคอยจัดแจงเจ้ากี้เจ้าการอยู่อีตอนมันขัดข้องช้านานก็เพราะศุกร์เจ้าเรือนปัตนิร่วมเสาร์กาลกิณีนี่แหละ มันถึงมียากมีเย็น” “หลวงตาพูดถูกเจ้าค่ะ” แม่เฮี้ยะรับ “ อิฉันเป็นคนคอยควบคุมเข้มงวดเพราะมีสาวกะเขาคนเดียวไม่อยากจะต้องใส่ตะกร้าล้างน้ำ แนะนำคนไหนให้มันไม่ชอบสักคน” หลวงตาพินิจพิจารณาดวงในกระดานแล้วมาเปิดปูมโหรดูอยู่ครู่ใหญ่ “ได้การละ แม่บุษบาจะได้พบอิเหนากันเสียที ปีนี้ละว๊ะได้แต่งกันแน่ คุณนายเตรียมฉีกผ้าอ้อมเลี้ยงหลานได้แล้ว” “จริงหรือเจ้าคะ หลวงตา” แม่เฮี๊ยะนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความยินดีปรีดา “จะซักเมื่อไร กลางปีหรือปลายปีอิฉันจะได้บอกนังหนูมันรู้ตัว”“นี่ก็เข้าเดือน 3 แล้ว” แม่เฮี๊ยะรำพึงกับตัวเอง “ตกในเดือน 6 นี่แหละแต่งแน่ อีตอนศรีถึงปัตนินี่ต่อให้ขังไว้บนปราสาท 7 ชั้นก็ต้องมีผัวแน่ หาฤกษ์ให้ก่อนก็ยังได้ว๊ะ” “อีก 3 เดือน แม่เฮี๊ยะรำพึงกับตัวเอง “แต่มันยังไม่มีเค้าเลยเจ้าค่ะ หลวงตา เพิ่งปฏิเสธเขาไปหยกๆเมื่อเร็วๆนี้เอง” “ไม่รู้ ฉันว่าตามดาวตามดวง” หลวงตาชื้นว่า “เอ้าหมอเถากะครูดูเอา มันหลายมุมนัก” ผมกะครูก้อนชะโงกดูกระดานโหรตามมือหลวงตาที่ชี้ ขั้นแรกดูทักษาปีนี้อายุเข้า 26 ตามปูมพุธ ราหูเป็นศรี ดูราหูเดิมซิมันอยู่ปัตนิ มันก็คือปัตนิมาเป็นศรีข้อหนึ่ง ข้อสองราหูที่เป็นศรีเหยียบเรือนเสาร์ ถึงจะเป็นเรือนกาลกิณีเดิมก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเป็นคู่มิตรกันย่อมไม่ทำลายกัน เมื่อศรีเข้าเรือนเสาร์และเสาร์จรเล็งลัคน์ ดาว 2 ดวงนี้มันไฟฟ้าต่อสายเป็นดวงเดียวกัน ก็เท่ากะว่าศรีเล็งลัคน์เต็มตัว ข้อสามเสาร์จรเข้าเรือนปัตนิทับราหูเดิมคู่มิตร มันคู่มิตรกันยังไงคู่มิตรเขากำลังโกรธกันหรือกำลังรักกัน มันต้องดูเสาร์เดิมของเขากับราหูจรในดวงนี้มันเล็งกันรักกันเป็นคู่เสน่หา ยืนยันเรื่องดาวทับกันในเรือนปัตนิ มันก็ให้ผลเรื่องผัวเรื่องเมียชัดๆ ไม่ต้องสงสัย” หลวงตาหยุดหายใจ หอบเสียจนจีวรกระเพื่อมเพราะพูดมายืดยาว พอพักดื่มน้ำชาจนหมดถ้วย ท่านก็เริ่มชี้ให้เห็น “ทำไมฉันถึงทายว่าเขาจะได้แต่งงานกันในเดือน 6 เพราะรอให้ศุกร์เจ้าเรือนปัตนิถึงเรือนของเขาเสียก่อน พอย่างเดือน 5 อังคารกาลกิณีจรก็เข้าเรือนปัตนิก่อนกระทบเสาร์คู่ศัตรูและทับคู่มิตรเข้าเต็มแรง อีตอนนี้แหละจะยุ่ง แทบจะเลิกตบเลิกแต่งกันทีเดียวเคราะห์ดีพอข้างขึ้นแก่ๆ ศุกร์ก็ยกเข้าไปเป็นเกษตรในราศีพฤษภเรือนของเขา อังคารเป็นคู่มิตรกับศุกร์อยู่แล้ว เมื่อเจ้าของบ้านเขาเข้ามาเป็นเกษตรอยู่ อังคารกาลกิณีก็เซาหมดฤทธิ์ไป ทำลายเรือนปัตนิเขาไม่ได้ กะพอว่าอังคารไปตกมรณะก็ได้การแน่ในเดือน 6”
ทั้งผมและครูก้อนมองเห็นทางเดินของดาวในดวงชะตาสว่างไสวยังกะจุดเจ้าพายุดู แม่เฮี๊ยะสั่งอ้าปากฟังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องดาวเรื่องดวงจับความแต่ว่าลูกสาวจะได้แต่งแน่ก็พอใจ
“เนื้อคู่ของหนูบุษบา เขารูปร่างยังไงเจ้าค่ะ ฐานะยากดีมีจนสักแค่ไหน” แม่เฮี๊ยะพยายามซักละเอียด “อย่างเอารูปร่างเลย คนเรามันอ้วนได้ผอมได้ แต่ดาวมันคงที่ เขาเป็นที่มีอายูพ้นวัยกลางคนแล้ว ตระกูลดั้งเดิมของเขาก็ยากจนมาก่อนเพิ่งจะมาคั้งเนื้อตั้งตัวมีชื่อเสียงภายหลังนี้เอง”
“เขาจะอยู่กันยืดไม๊เจ้าค๊ะ และจะมีลูกผู้ชายสืบแซ่ไหม”
“บ๊ะ-ซักจริง ยังไม่ทันแต่งลูกถามถึงหลานเสียแล้ว” หลวงตาชื้นหัวเราะเอิ๊กลงลูกคอ “ไว้เอาดวงผู้ชายมาดูสมพงษ์กันมันถึงจะรู้”
แม่เฮี๊ยะซักโน่นซักนี่จนแน่ใจก็กราบหลวงตาลากลับ กับครูก้อนแกยกมือไหว้ลา แต่กับผมแกใช้ชำเลืองหางตาค้อนขวับแทนบอกลา คงยังเจ็บใจที่ถูกเย้าเมื่อแรกมา
พอแม่เฮี้ยะลงกุฎิไปแล้ว ครูก้อนยังติดใจสงสัยคำพยากรณ์ของหลวงตาที่เป็นเรื่องเป็นราวน่าฟัง ก็ซักต่อ “หลวงตาดูอะไรจึงทายเขาว่าจะได้ลูกเขยมีอายุฐานะอย่างว่า”
อ้าวครู ก็เมื่ออ้ายตัวจะก่อเรื่องคู่มันคือเสาร์จร เราก็ดูเสาร์เดิมเขาเป็นประมันก็ยากจนต่ำต้อยมาก่อน อีตอนเสาร์จรมาเล็งเป็นเนื้อคู่เป็นมหาจักรมีชื่อเสียงมีฐานะขึ้น อ้ายเรื่องอายุก็ดาวเสาร์อีกนั่นแหละ เสาร์แปลว่าเก่านานก็เมื่ออายุมันเก่ามันนานก็ต้องไม่ใช่คนหนุ่มซีว๊ะ”
ผมกับครูก้อน ก้มลงกราบเหมือนนัดกันไว้ เพราะคิดถึงพระคุณที่ท่านให้อรรถาธิบายจนแจ่มแจ้ง
เหตุการณ์ต่อมา มีพ่อค้าทางชุมพรค้าขายเป็นเอเย่นต์บุหรี่และสุราฐานะดี เมียตายตกพุ่มหม้าย แต่งแม่สื่อมาเจรจาสู่ขอแม่เฮี๊ยะตกลงรับเพราะลูกสาวไม่ขัด เมื่อรับของหมั้นขันหมากแล้ว ก็กำหนดนัดวันแต่งงานกระทันหันในวันที่ 8 พฤษภาคม 2515 ตรงกับวันจันทร์แรม 12 ค่ำ เดือน 6 เมื่อวันแต่งผมถือย่ามเป็นลูกศิษย์ ตามหลังหลวงตาไปสวดมนต์ฉันเพลและผมได้รับเลี้ยงมาอิ่มหนำสำราญ
๑. ชาคอ = รสดี ส่วน ชากลิ่น = รสปานกลางแต่กลิ่นหอมมาก
|