ขอขอบคุณ คุณนริศรา ที่เอื้อเฟื้อหนังสือ
บุพกรรมแห่งดาว
อ.อรุณ ลำเพ็ญ - หมอเถา(วัลย์)
เช้าวันนี้ เป็นวันที่หมอเถามีอารมณ์เบิกบานเป็นพิเศษ เพราะเมื่อวานโชคดีได้ค่าบูชาครูเพราะรักษาไข้เขาหายเป็นเงินถึง 5 ชั่ง จึงตื่นแต่เช้า ตั้งแต่ร้านขายของในตลาดยังเปิดไม่ทั่ว จับจ่ายซื้อข้าวของหอบพะรุงพะรังเต็มสองแขน ผ่านร้านกาแฟเจ้าโกคู่อริเก่าที่เคยทะเลาะกันไว้ หมอเถาเดินเชิดหน้าไม่พยายามมองเข้าไปในร้าน เพราะกลัวจะต้องเจอนัยน์ตาเจ้าโก แต่ยังไม่ทันพ้นหน้าร้านก็ถูกเรียกชื่อจนสะดุ้งสุดตัว
“หมอเถา แวะก่อนซีรีบจ้ำไปไหนแต่เช้า”
หมอเถาเหลียวดูเจ้าของเสียงทัก ซึ่งนั่งกินกาแฟอยู่โต๊ะสุดร้านมิใช่ใครอื่นครูก้อนนั่นเองนั่งกินกาแฟอยู่กับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง หมอเถายืนแก้กังไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปในร้าน
“เข้ามากินกาแฟก่อนเถอะ หอบสมบัติจะไปให้ใครกัน”
“ไม่หรอกครู” หมอเถาส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเหลือบตาพบตาเจ้าโกยืนอยู่กลางร้านมองหมอเถาอยุ่เช่นกัน “จะรีบไปหาหลวงตา”
”เถอะน่ะ แวะเข้ามาก่อนเดี๋ยวไปด้วยกัน” ครูว่า
พอขยับปากจะตอบก็ใจหายวูบ เพราะเห็นเจ้าโกเดินเร่เข้ามาหา ชักระแวงตามนิสัยนักเลงเก่าว่าเจ้าโกอาจเข้ามาร้าย จึงจัดแจงก้มลงวางข้าวของลงกับพื้น เตรียมตัวตั้งท่ารับทันที เจ้าโกถึงตัวหมอก็ถอยหลังตั้งหลักตัวเกร็ง เจ้าโกเดาท่าทางหมอเถาออกก็หัวร่อขบขัน “ไม่ต้องตั้งท่ามวยว๊ะ หมอเถา เรามาดีกันเถอะ อั๊วไม่โกรธลื้อแล้ว”
“เออดีก็ดีกัน” หมอเถาพยักหน้าแต่มือยังตั้งท่ามวย
“เข้ามากินกาแฟก่อน วันนี้กินฟรีว่ะ เลี้ยงลื้อ” เจ้าโกเข้าจับมือจูงเข้าร้าน “เขาลือว่าหมอเถาดูหมอแม่นๆว่างๆช่วยดูลูกชายอั๊วที”
หมอเถาเดินตามมือ แต่ยังไม่วางใจ เสถามเรื่องเปื่อย “ทำไมล่ะเห็นส่งไปเล่าเรียนกรุงเทพฯ”
เจ้าโกหันไปบอกลูกจ้างให้เก็บของหมอเถาเข้ามาวางไว้บนโต๊ะแล้วหันมาตอบ “อยู่กรุงเทพฯใหม่ๆมันก็เป็นนักเรียน อยู่ไปก็เป็นนักเลง เดี๋ยวนี้มันงอกหางสีแดงซ๊ะด้วย”
หมอเถานั่งลงที่โต๊ะครูก้อนและก็ถูกครูก้อนแนะนำให้รู้จักกับชายแปลกหน้า
“ครูสมศักดิ์ย้ายจากกรุงเทพฯมาเป็นครู ร.ร.ประจำจังหวัดเรา ครูสมศักดิ์นี้เป็นนักโหราศาสตร์ชื่อดังในกรุงเทพฯคนหนึ่งทีเดียว”
ลูกจ้างเจ้าโกชงกาแฟโอวยั้วะมาส่งหมอเถารับไว้ก็เลยพนมมือไหว้ครูสมศักดิ์ทั้งๆถือถ้วยกาแฟ ครูก้อนจึงอธิบายต่อไปอีก “ครูสมศักดิ์ได้ยินกิตติศัพท์หลวงตาของเรา จึงนัดว่าเช้านี้จะพาไปกราบหลวงตา”
ก็เหมาะ” หมอเถาว่า “ผมกำลังจะไปถวายของหลวงตาอยู่เหมือนกัน ดีจะได้ไปพร้อมๆกัน จะไปหรือยังล่ะ ตกสายไปแขกจะมากวนจนไม่ได้คุยกับหลวงตา” ครูก้อนเห็นด้วยจัดแจงชำระค่ากาแฟ หมอเถาก้มหน้าก้มตาดื่มกาแฟรวดเดียวหมดถ้วย พอเงยหน้าลูกจ้างเจ้าโกก็วางน้ำชากลั้วคอให้
“เอ็งจะเอามาให้ข้าอาบเร๊อะว๊ะอ้ายตี๋” หมอเถาสัพยอก เพราะเจ้าตี๋มันส่งให้ทั้งพวงถึง 6 แก้ว
ลูกจ้างเจ้าโกตอบหน้าตาย “2 แก้วของครู 4 แก้วของหมอเถา เถ้าแก่บอกว่าหมอเถากินกาแฟ 1 ถ้วย ต้องกินน้ำชา 4 ถ้วย”
หมอเถารู้ตัวว่าถูกลำเลิกเหลียวดูเจ้าโกเห็นหน้ายิ้มพรายหยอกล้อ ฉิวก็ฉิวแต่อดขันสันดานขี้เล่นของเจ้าโกไม่ได้ จึงมิได้ถือสาหาความ รวบรวมเข้าของหอบเต็มแขนเดินตามครูก้อนออกนอกร้านไป
หลวงตาชื้นฉันเช้าแล้ว ก็มานอนเอกเขนกอยู่ระเบียงเช่นเคย ดื่มน้ำชายังไม่ทันหมดถ้วย ประตูหน้าบันไดก็เปิดเข้ามา หมอเถาเดินหอบของนำหน้าและตามหลังด้วยครูก้อนและครูสมศักดิ์อาคันตุกะ
คณะที่ตามหลังหมอเถาลงนั่งพับเพียบเรียบร้อยกราบคารวะหลวงตาผู้อาวุโส หมอเถาหยิบถาดข้างระเบียงใส่ของที่หอบหิ้วมาและคลานเข้าไปใกล้ประเคนถวายหลวงตา
หลวงตารับประเคนแปลกใจที่เข้าของมากมายทั้งใบชาและผลไม้สารพัด ราคาหลายอัฐฬส ทั้งๆที่รู้ๆกันอยู่ว่าฐานะของหมอเถาอัตคัตขัดสนไม่อำนวย
“ไปถูกหวยรวยโปอะไรมาหรือ หมอเถา”
“เปล่าคะรับ” หมอเถาพนมมือไหว้ยังค้างอยู่ “ผมได้ค่ายกขันข้าวรักษาไข้ ก็รำลึกถึงครูบาอาจารย์คะรับ”
“เออ ขอให้จำเริญๆเถอะหมอเถา” หลวงตาปิติในน้ำใจศิษย์และให้พร เมื่อหลวงตาหันมามองคนแปลกหน้าครูก้อนก็ถือโอกาสแนะนำตัว
“ครูสมศักดิ์ ขอรับหลวงตาย้ายมาเป็นครูใหม่จากกรุงเทพฯเป็นนักโหราศาตร์จึงขอมากราบคารวะหลวงตา”
หลวงตาก้มศีรษะรับไหว้ “อ้อ…ขอบใจ ครูสมศักดิ์”
“ได้ข่าวจากคนในจังหวัดนี้ว่าหลวงตาพยากรณ์แม่นยำเป็นที่เล่าลือกันอยู่” ครูสมศักดิ์ถือวิสาสะ
“ไม่ถึงกระนั้นดอกครู คำเล่าลือไม่ว่าเรื่องอะไร มันมักเกินความจริงไปเสมอทุกเรื่อง หลวงตาถ่อมตัวตามวิสัย “อาตมาก็พยากรณ์ไปตามพื้นๆธรรมดา ถ้าจะถูกต้องแม่นยำก็เพราะกุศลจิตของอาตมาที่หวังเกื้อกูลช่วยทุกข์เขา”
ครูสมศักดิ์สีหน้าฉงน “ผมเป็นฆราวาสไม่เข้าใจเรื่องจิตรู้แต่ว่าการจะใช้วิชาโหราศาสตร์ได้แม่นยำต้องเรียนมากรู้มาก”
หลวงตายิ้มมีนัยอยู่ในสีหน้าตามวิสัยผู้แก่โลกกว่า ท่านพูดอรรถาธิบายเหมือนกำลังอยู่บนธรรมมาสเทศน์
“อันวิชาโหราศาสตร์นั้นเป็นวิชาที่ต้องการ “ผล” คือการพยากรณ์ให้ได้ผล การเรียนมากรู้มากสรรพคัมภีร์แต่เพียงอย่างเดียวก็จะได้แต่เพียงเหตุยังไม่ถึงผล อาตมาเคยรู้จักหลายท่านรอบรู้คัมภีร์โหราศาสตร์มากมาย เอ่ยอ้างอะไรจะพูดได้คล่องปากคล่องใจไม่ผิดพลาด แต่เมื่อถึงเวลาพยากรณ์มักลังเลไม่แน่ใจ เพราะกฎเกณฑ์แต่ละคัมภีร์ขัดกันเองตัดสินไม่ถูก นักโหราศาสตร์ประเภทนี้มักได้ดีทางเขียนหนังสือตำหรับตำราสอนแนะผู้อื่น
หลวงตาอธิบายยาวจนต้องหยุดพักหายใจ ดื่มน้ำชาอึกใหญ่แล้วจึงพูดต่อ
“อีกประเภทหนึ่ง มักเรียนรู้เฉพาะกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการพยากรณ์จริงๆเป็นบางกฎ แต่ใช้ได้ช่ำชองคล่องแคล่วเพราะพยากรณ์มามากต่อมากจนรู้ว่าที่ใดผิดที่ใดถูก พวกนี้ส่วนมากเป็นหมอดูมีชื่อเสียงโด่งดัง ถ้าจะไปถามเรื่องคัมภีร์โน้นคัมภีร์นี้ เขาจะไม่กระดิกหูเอาเลย เขาจะเล่นของเขาทางเดียวตลอดชีวิต พวกนี้ก็เอาแต่ผลไม่แสวงหาเหตุอันเป็นที่มา จึงกลายเป็นความสามารถเฉพาะตนไปใครจะเรียนรู้ต่อได้ยาก แต่ถ้าเราเอาคนสองประเภทนี้มาหล่อหลอมรวมกันเป็นคนๆเดียวกัน เราจะได้โหรผู้แตกฉานรอบรู้และสามารถ อันจะเป็นประโยชน์เต็มที่”
ครูสมศักดิ์นิ่งฟังไปคิดไป เกิดความสำนึกในดวงจิตว่าเมื่อแรกมาคิดว่าจะพบหลวงตาแก่ๆ ซึ่งเป็นพระหมอดูบ้านนอกครึๆที่ทายได้แม่นยำ แต่กลายเป็นหลวงตาซึ่งมีความรู้ความคิดข้ามหัวคนอย่างนึกไม่ถึง
ข้างหมอเถาและครูก้อนนั้นคิดในอกตรงกันคือ ภูมิใจในอาจารย์ของตนที่ไม่ว่าจะฉลาดรอบรู้มาแต่ไหน หลวงตามักมีของดีอวดเขาได้เสมอ
ครูสมศักดิ์ชักสนใจความคิดของหลวงตาจึงย้อนถามเรื่องเก่าอีก “ที่หลวงตายังพูดค้างไว้ เรื่องกุศลจิตนั้นผมยังไม่เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับการพยากรณ์อย่างไรขอรับ”
หลวงตายิ้มอารมณ์ดีตามวิสัยภิกษุชราผู้ใจดี “ได้ซิ อาตมาจะอธิบายให้ฟัง แต่ขอออกตัวเสียก่อนว่า อาตมาเป็นสงฆ์คิดอะไรก็คิดอย่างสงฆ์ เอาแต่ธรรมะเข้าเกี่ยวข้องร่ำไป อย่าหาว่าครึเลยอาตมาเชื่อของอาตมาเอาเองว่า ถ้าดวงจิตไม่ตกอยู่ใต้ “โลภะ โมหะ โทสะ” คือ ว่าไม่มีจิตโลภในลาภสักการะ เมื่อเห็นเขาเป็นเศรษฐีมีทรัพย์ไม่พยากรณ์ยกยอแต่คุณประการเดียว ซึ่งจะพยากรณ์ผิดได้ ไม่โมหะหลงผิดในสภาวะของบุคคลที่มียศมีเกียรติ และเรื่องที่เขาเล่าแต่สิ่งดีงามย่อมเกิดความหลงผิดได้ ไม่โทสะไม่มีจิตรัก เกลียด โกรธ อันอาจเกิดความผิดพลาดได้ เมื่อจิตไม่ตกอยู่ในอารมณ์อกุศลจิตทั้งสามประการนี้ ย่อมมีจิตอุเบกขาสงบเป็นสมาธิ เมื่อเกิดสมาธิก็เกิดปัญญา อ่านเดือนอ่านดาวไปตามสภาพที่แท้จริง ย่อมมีส่วนจะถูกต้องแม่นยำได้”
ครูสมศักดิ์ก้มลงกราบอย่างเต็มใจเคารพ รู้แน่ชัดว่าตนได้พบผู้แตกฉานในโหราศาสตร์ทุกแง่ทุกมุมเข้าแล้ว
การสนทนาของหลวงตาและครูสมศักดิ์ก็ชะงักอยู่เพียงนั้น เพราะเสียงประตูหน้ากุฏิแย้มเปิดออก และแขกผู้มาเยือนก็ล่วงเข้ามาเป็นหญิงกลางคนหน้าตาสะอาดสะอ้านน้อมตัวพนมมือไหว้หลวงตามาแต่ไกล
หมอเถาและครูก้อนเขยิบหลีกให้เธอกราบและประเคนดอกไม้ธูปเทียนแก่หลวงตา
“ดิฉันจะมากราบเท้ารบกวนหลวงตาหลายครั้งแล้ว แต่ยังเกรงๆเพราะไม่เคยมา แต่ใครๆเขาว่าหลวงตาใจดีเมตตาคนยากจึงบากหน้ามาครั้งนี้ ดิฉันชื่อจำรัสเจ้าค่ะ”
หลวงตาพยักยิ้มๆ “เออถวายลูกยอฉันแต่เช้าทีเดียว ขอบใจมีอะไรก็ว่ามาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
เธอว่า “ดิฉันอยู่ท้ายตลาดนี่เองเจ้าค่ะ สามีดิฉันรบจ้างขับรถบรรทุกสินค้าไปหัวเมือง ได้มาก็ไม่พอใช้พอกินเพราะลูกๆหลายคน มันช่างยากจนเข็ญใจจริงๆเจ้าค่ะ อยากจะดูดวงชะตาว่าเมื่อไรจะลืมตาอ้าปากกับเขาได้มั่งเจ้าค่ะ”
หลวงตาชื้นครางฮือในลำคอเหลียวมองสบตาครูสมศักดิ์ “ครูพอพยากรณ์ได้อยู่มิใช่หรือ”
“ขอรับ เมื่ออยู่กรุงเทพฯ พยากรณ์อยู่เสมอ ในหมู่คนคุ้นเคยกัน”
“ครูสมศักดิ์ ช่วยสงเคราะห์เธอสักหน่อยเถอะ แทนอาตมาสักหน วันนี้มันช่างคร้านๆเพราะเพิ่งจะฉันเสร็จ”หลวงตาชื้นพูดแล้วก็หยิบปูมโหรและกระดานยื่นมาตรงหน้า
ครูสมศักดิ์ถามวันเดือนปีและเวลาเกิดเสร็จ ก็ผูกดวงวางลัคน์คล่องแคล่วเช่นคนเล่นมานานปี
หมอเถาและครูก้อนพยายามสงบนิ่งเพราะรักษามารยาทกับคนมาใหม่ได้แต่จ้องดูดวงในกระดาน นิ่งนึกพยากรณ์อยู่ในใจเงียบๆ ครูสมศักดิ์ตรวจดูดาวจรที่ครองเรือนอยู่รอบดวง และหันมาหาหลวงตาพนมมือ “ผมขอพยากรณ์ตามที่ผมถนัด ผิดถูกผมขออภัย”
หลวงตาพยักหน้าอนุญาต “เชิญตามสบายครู”
ครูสมศักดิ์อ่านดาวเหมือนปรารภกับหลวงตา และครูก้อนทั้งหมอเถา
“รูปนี้ดวงดาวใหญ่เพียง 2 ดวงก็พอจะตอบได้ คือ พฤหัสจรซึ่งเป็นศุภเคราะห์ที่ให้คุณให้ความเจริญรุ่งเรืองกำลังเข้าราศีธนูเรือนตัวเองเป็นเกษตรให้คุณเต็มที่เพราะทับลัคน์ และเป็นเรือนลัคน์ก็น่าจะทายว่าตนเองจะรุ่งเรืองมีความสุขแน่นอน แม้ราหูอันดาวบาปเคราะห์จะเข้าร่วมทับลัคน์ก็ไม่เป็นไรเพราะเป็นเรือนพฤหัสซึ่งเจ้าเรือนเขากำลังเป็นเกษตร พฤหัสย่อมคุ้มครองส่งผลได้เต็มที่และอีกสถานหนึ่งคือทุกข์โทษคือเสาร์ก็ไปตกอริเสียแล้ว หมดกำลังที่จะส่งทุกข์โทษได้ถึงลัคนา ความทุกข์ทั้งหลายก็หมดสิ้นไป ดาวศุกร์เจ้าเรือนลาภะมาเป็นเกษตรซ้ำช่วยอีกจะเกิดลาภผลอุดมสมบูรณ์แท้ๆ”
ครูสมศักดิ์เว้นระยะหยุดมองดูหน้าหมอเถาและครูก้อนเพื่อจะฟังว่ามีความเห็นย่างไรเมื่อเห็นนิ่งก็พยากรณ์ต่อไปอีก “ดวงของเธอเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้น มีแต่จะสว่างๆขึ้นๆจนเป็นพระจันทร์เต็มดวง มีแต่จะมีความสุข ทำอกทำใจให้สบายเถอะอย่างนี้นอนคอยความสุขได้แน่”
ครูก้อนนิ่งติดอยู่ข้างถือวิสาสะกระซิบถามเบาๆ “ครูสมศักดิ์เล่นทักษาหรือเปล่า”
ครูสมศักดิ์นิ่งอยู่อึดใจ ก็ชี้พฤหัสและราหูในดวงอีก “อายุย่าง 33 ตกปูมพุธพฤหัสเป็นเดช ราหูเป็นศรี ทับลัคนาทั้งคู่ถ้าไม่ดีก็ไม่รู้จะดูว่าอย่างไรแล้ว”
แม่จำรัศมีสีหน้าปิติจนเห็นได้ชัดแต่ไม่รู้จักครูสมศักดิ์จึงมองหน้าหลวงตา “อิฉันจะสบายจริงๆหรือเจ้าค่ะ”
หลวงตาซึ่งนั่งครึ่งนอนเอกเขนกมองดูดวงอยู่ก็พลอยหยักหน้าไปด้วย “ครูสมศักดิ์เขาพยากรณ์สมควรแล้ว ถูกต้องตามตำหรับตำราทีเดียว อ้ายเรื่องรวยน่ะคงรวยละ แต่จะสบายหรือเปล่านั้นมันอยู่ที่ใจอ้ายที่รวยแล้วใจมันไม่สุขสบายก็ถมไป”
หมอเถาสงสัยเพราะหลวงตาพูดเป็นนัยๆอย่างไรพิกลก็ซักบ้าง “ทำไมหรือคะรับ หลวงตา หรือว่าเพราะราหูที่มาเป็นศรีทับลัคน์นี้เดิมมันเป็นกาฬกิณีมาก่อน”
“ก็ไม่เชิงอย่างนั้นหรอก อาตมาพูดอย่างพระเตือนไว้มิให้ประมาทเตือนลูกเตือนผัวไว้ ทำมาหากินระมัดระวังตัวให้ดีผัวเราเป็นคนทำมาหากินหาเงินเลี้ยง เขาคือตัวลาภของเรานั่นแหละ”
ครูสมศักดิ์ยิ้มแย้มปลื้มอกปลื้มใจที่หลวงตาคล้อยตาม ดูนาฬิกาข้อมือดูเวลา “สายแล้วได้เวลาเข้าสอนผมต้องขอลาหลวงตาก่อนมีโอกาสจะมากราบหลวงตาอีก”
พอครูถอยหลังออกมา แม่จำรัสซึ่งมีทุกข์อยู่ข้อเดียวเรื่องยากจน ก็กราบลาเกรงๆใจไม่กล้าซักไซร้อีก พอแขกทั้งสองคนลับประตูกุฏิลงไปแล้ว คงเหลืออยู่แต่ศิษย์กับอาจารย์ลำพัง หมอเถาก็ตั้งคำถามเพราะยังติดใจสงสัยอยู่ “ครูสมศักดิ์เขาพยากรณ์ถูกต้องดีอยู่หรือขอรับ”
ครูก้อนก็เลยผสมโรง “ผมเห็นเขาเอาพฤหัสเป็นเกษตรทับลัคนาตัวเดียวทายมันดูหมิ่นเหม่อย่างไรชอบกล”
“อย่าตำหนิเขาเลย” หลวงตาว่า “เขาถนัดมาอย่างนั้นก็ย่อมจะเล่นไปตามพื้นของเขา มันก็มีส่วนถูกอยู่บ้างแม้จะไม่ถูกแท้ทีเดียวอาตมานั้นมองไปทางหนึ่ง”
“ทางไหน ขอรับหลวงตา” ทั้งครูก้อนและหมอเถารีบซักทันควัน
“ทั้งสองคนดูให้ดี” หลวงตาชี้กระดาน “พฤหัสจรที่จะมาเป็นตัวให้คุณนั้นมาจากไหน เดิมพฤหัสเป็นอริอยู่เมื่อมาเป็นลาภเป็นผลก็ย่อมจะพาความเป็นอริมาด้วย เขาเรียกบุพกรรมของดาวคือเป็นกรรมเก่าของดาวที่เป็นอยู่ในดวง”
“ผมไม่เข้าใจว่าพฤหัสเป็นเกษตรทับลัคน์ทำไมจะต้องรวยได้เงินจะดีอย่างอื่นไม่ได้หรือขอรับ”
“อุบ๊ะ…มันช่างไม่ตรวจดูดาวเขาให้ถ้วนถี่” หลวงตาพูดเสียงตำหนิศิษย์ “เสาร์จรเป็นเจ้าเรือนกฎุมภะขึ้นไปทับพฤหัสอยู่เรือนอริพฤหัสมาทับลัคน์ เสาร์ทับอยู่เรือนศุกร์ ศุกร์เจ้าเรือนมาเป็นเกษตรอยู่ลาภะ มันไม่ใช่ได้ลาภเงินทองแล้วมันจะได้อะไร อ้ายเงินน่ะมันจะได้แต่ตัวเองจะเกิดทุกข์หนักตามดาวเดิมเรือนเดิมนั่นแหละ”
“หมอเถาร้องอ้อ “พอจะเห็นแล้วขอรับ” “ยังก่อน” หลวงตาโบกมือ “เมื่อดูเขาว่าจะมีลาภมันก็ต้องดูให้ตลอดว่าเขาจะมีโชคลาภจากเรื่องอะไร อยู่ๆ มันจะรวยขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้ มันจะถูกหวยรวยโปหรืออย่างไร”
เมื่อเห็นศิษย์นิ่งฟังหลวงตาก็อธิบายต่อ “ตัวเองเป็นหญิงเลี้ยงลูกอยู่กับบ้านมิได้ค้าขายทำมาหากิน อะไรเล่ามันเป็นลาภมาดูศุกร์จรตัวลาภเดิมมันเป็นมรณะอยู่ และมันอยู่รวมกับพุธเดิมซึ่งเป็นตัวปัตนิเสียด้วย ใจข้าไม่สบายเลยดูมันพิกลเหมือนจะแช่งเขาเหลียวดูเรือนพุธในราศีกันย์ ซึ่งมันเหมือนเรือนเดียวกับเรือนปัตนิดาวมฤตยูจรก็มาครองอยู่ และทับราหูเดิม มันอาศัยราหูจรมาทับลัคน์เข้าอีก นี่แหละตัวศรีเขาว่ามันเอาความสูญเสียมาทับลัคน์ ไม่อยากพูดเลยว่าจะเป็นหม้ายแล้วได้ลาภ ถึงได้เตือนๆ ไว้ให้เตือนผัวมันระวังตัว เพราะมันหากินอยู่กับอันตรายอยู่แล้ว”
สีหน้าหมอเถาพลอยเศร้าเป็นทุกข์ไปด้วย “แล้วหลวงตาไม่เตือนเขาตรงๆ เขาจะได้หลีกเลี่ยงเสีย ปล่อยไปทั้งๆ รู้จะเป็นบาปนะคะรับ”
“เตือนต่อหน้าครูสมศักดิ์ก็เท่ากับฉีกหน้าเขาน่ะซี หมอเถาเอ๋ย หมอเถาน่ะแหละแอบไปเตือนๆเขาไว้แต่อย่าให้เป็นเรื่องเกิดทุกข์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับล่ะ เพราะเราเป็นเพียงหมอดู ดูแต่ดาวมิใช่อรหันต์รู้แจ้งในชีวิตสัตว์ ดาวอาจผิดคนดูอาจผิดมันจะก่อทุกข์ให้เขา”
หลวงตาลุกขึ้นยืนขอตัวไปครองจีวรเพราะรับนิมินต์เขาไว้ที่ท้ายบ้านถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว หมอเถาและครูก้อนยังคงนั่งพิจารณาดวงชะตาแม่จำรัสกันอยู่สองคนตามดวงดาวที่หลวงตาอ่านไว้ ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นจริงไปอีกหลายสถานตามคำอาจารย์ว่า
ต่อมาในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2515 เกิดอุบัติเหตุบนถนนทางระหว่างเพชรบุรีกับประจวบคีรีขันธ์ รถบรรทุกยางแตก คนขับรถลงถอดยางอยู่ข้างถนน ถูกรถเก๋งหลบรถเมล์ที่สวนมากระชั้นชิดเข้าชนเต็มแรงคนขับรถบรรทุกที่กำลังถอดยางตายคาที่ คนขับรถบรรทุกเป็นสามีแม่จำรัสนั่นเอง เรื่องถึงศาลแม่จำรัสได้ค่าทำขวัญและค่าทำศพมา 35,000 บาท เมื่อตอนรับเงินแม่จำรัสร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ