Welcome to
ห้องโหรแว่นทิพย์
ศาสตร์แห่งปัญญาเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

ในยุควิทยาศาสตร์เทคโนโลยีก้าวกระโดดล้ำหน้าไปถึงไหนต่อไหน มนุษย์เราจะทันสมัยเดินก้าวไปข้างหน้ามองความเชื่อเรื่องโชคลางการดูดวงเป็นของงมงาย แต่เมื่อเกิดเหตุร้ายคราใด โหราศาสตร์มักเป็นศาสตร์ที่คนสนใจใช้บริการพึ่งพา กระทั่งในโลกไซเบอร์เองก็ยังมีเว็บไซต์พยากรณ์แข่งกันดีไซน์โปรแกรมดูดวงมีให้เลือกละลานตา

ซึ่งน่าสนใจว่า แวดวงโหราศาสตร์ในวันนี้ได้ก้าวหน้าไปไกล ถึงขั้นที่เกิดสถาบัน สมาคมเปิดทำการอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจ แม้แต่กลุ่มคนที่เรียนก็ต่างไปจากเดิม คนที่มีการศึกษาระดับสูงๆให้ความสนใจศาสตร์แขนงนี้มากขึ้น

โหราศาสตร์ ศาสตร์ที่มีความเป็นมายาวนาน

โหราศาสตร์อยู่คู่สังคมไทยมานาน อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหรนานาชาติ เล่าให้ฟังว่า ก่อนสมัยสุโขทัย จากหลักฐานบ้านเชียง ค้นพบรูปจักรราศี ดวงชะตา ในหนังสือประวัติศาสตร์และพงศาวดารการคำนวณผูกดวงชะตา จากคำศัพท์ที่ใช้ ชื่อราศี ทำให้ทราบว่าโหราศาสตร์ไทยได้รับอิทธิพลจากอินเดีย

สมัยก่อนวิชาโหราศาสตร์มีฐานะเป็นกรมในกระทรวงวัง ภายหลังในรัชกาลที่ 6 เศรษฐกิจตกต่ำ มีการดุลข้าราชการออก ประกอบกับวิชาการวิทยาศาสตร์เจริญขึ้น เป็นผลให้กรมโหรถูกยุบลงเหลือฐานะเป็นกอง จนถึงรัชกาลที่ 7 มีการยุบกองเป็นแผนกอยู่ในสำนักราชวัง

คนโบราณมีความเชื่อเรื่องโชคชะตาราศี แต่นิยมไปดูกับพระที่วัด เมื่อโหรราชสำนักที่ถูกดุลราชการออกมา นำเอาวิชาออกมาเผยแพร่ ประกอบกับการสร้างหอสมุดวชิรญาณทำให้เกิดสื่อสิ่งพิมพ์ เผยแพร่แก่คนทั่วไปที่สนใจศึกษา

การเรียนการสอนมีตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ให้ลูกเจ้านายเรียน เพื่อเข้ารับราชการ ในกรมโหร ประวัติโหราธิบดีมีสำนักเรียนของแต่ละคน สมัยก่อนมีวิชาโหราศาสตร์ ไม่มีวิชาพยากรณ์ปลีกย่อยเหมือนในปัจจุบันที่มีหลากหลาย

ช่วงไอเอ็มเอฟคนมาเรียนมากขึ้น แต่ก่อนเพิ่ม100-200 ต่อปี พอปี 2539 เพิ่มปีละเฉียด 1,000 คน ปีนี้สมาชิกกระเตื้องขึ้นเยอะ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอ.ภิญโญ อธิบายตามหลักโหราศาสตร์ว่าเป็นห้วงเวลาที่ดวงดาวโหราศาสตร์มีอิทธิพล อยู่ในมาตรฐานที่ดีมีกำลัง กระแสทำให้คนสนใจศาสตร์ลี้ลับ พิสูจน์ไม่ได้มากขึ้น

ศาสตร์แห่งดวงดาว

ดวงดาวแต่ละดวงที่ทอแสงระยิบระยับล้วนมีเรื่องราวและความหมายอยู่ในตัว พร้อมที่จะบอกชะตาชีวิตของคนแต่ละคน โหราศาสตร์วิชาว่าด้วยการพยากรณ์โดยอาศัยดาราศาสตร์เป็นหลัก เป็นศาสตร์หรือตำราว่าด้วยวิชาใหม่อันเป็นวิชาความรู้เกี่ยวกับการทำนายและพยากรณ์ โชคชะตามนุษย์และปรากฏการณ์ต่างๆของโลก

วิวัฒน์ จารึกสิริ นักโหราศาสตร์ประจำสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปภัมภ์ วัย 57 ปี เชี่ยวชาญด้านการดูโหงวเฮ้ง ลายมือ กล่าวว่าโหราศาสตร์มีความสัมพันธ์กับเรื่องของดวงดาว วันเดือนปีเกิด คำนวณวันข้างขึ้นข้างแรมต้องใช้การโคจรของอาทิตย์และจันทร์และโลกเรา สัมพันธ์กันหนีไม่พ้น

ชีวิตของคนเราก็ขึ้นอยู่กับการเดินทางของดวงดาว พร้อมกันนั้นอนาคตจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การกระทำของบุคคลผสมกัน บางคนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุต้นๆ เนื่องจากดวงดาวของคนผู้นั้นให้ผลตรงกับช่วงนั้นพอดี

อิสสริยะ สิทธิศักดิ์ โหราจารย์ชื่อดัง กล่าวว่าโหราศาสตร์กับวิทยาศาสตร์แยกกันไม่ออก โลกก็ถือเป็นดวงดาวหนึ่งดวง ไม่มีโลกก็ไม่มีมนุษย์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยู่โดยปราศจากดวงดาว ดาวจันทร์ทำให้เกิดน้ำขึ้น-น้ำลง เป็นของใกล้ตัว อะไรที่ใกล้ตัวได้รับอิทธิพลมาก ดาวไกลๆอิทธิพลจะไม่ค่อยรู้สึก ดาวจันทร์ให้ผลน้ำขึ้น-ลงในเรื่องของการผ่าตัด โหราศาสตร์การแพทย์ ผ่าข้างขึ้นในขณะน้ำขึ้นจะเสียเลือดมาก หรือโหราศาสตร์การเกษตรในการเก็บพืชผล จะลงถั่วถ้าเก็บข้างแรมน้ำลงผลผลิตไม่ได้น้ำหนัก”

ไม่แยกจากจิตวิทยา

คนสมัยก่อนเรียนวิชาโหราศาสตร์เพื่อออกมาช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ให้ผ่อนคลาย “การดูหมอ เหมือนอาการไข้ ต้องตรวจทุกระยะ ไม่ใช่รอให้ไข้กำเริบแล้วไปตรวจ ต่อให้หมอวิเศษอย่างไรก็รักษาได้ยาก เหมือนคนที่อยู่ในสลัม อาการโคม่า บังคับให้รักษาไม่ได้ การดูหมอก็เหมือนกันต้องดูตั้งแต่เนิ่นๆ และเลือกหมอให้ถูกต้อง ดูว่าที่ผ่านมาทายเราเป็นอย่างไร ย้อนหลังไปข้างหน้าเป็นอย่างไร เหมือนการเลือกใช้ยาให้ถูกโรค จึงจะหายบางคนเห็นว่าดวงชะตาดี ไม่จำเป็นต้องดูหมอ หากดวงตกจะเตรียมตัว ทำใจอย่างไร ถ้ารู้ว่าอายุเท่านั้น เท่านี้ดวงจะตก ช่วยให้ทำใจง่าย เฉยๆ ชีวิตเป็นอย่างนี้ หากไม่เคยดูเลย พอดวงตก คิดสั้น” อ.วิวัฒน์กล่าว

อ.วิวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ตามหลักโหราศาสตร์จะเป็นการพูดตรงไปตรงมา ไม่มีการพูดเอาใจ หากเป็นทางจิตวิทยาจะเป็นการพูดปลอบโยน ทั้งที่สิ่งนั้นจะเกิดความสะเทือนใจ แต่ทางโหราศาสตร์จะทำนายล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องไม่สบายใจ ไม่ดี ฟังครั้งแรกอาจขวัญผวา แต่เมื่อเจอเหตุการณ์ขึ้นมา ใจจะปรับตัวได้ มีผลประโยชน์มากกว่าดีกว่า เมื่อชีวิตผกผัน หากรู้ว่าจะเจ็บตัวล่วงหน้า มีการเตรียมการวางแผนแก้ไข”

เมื่อก่อนเรียนกันอย่างไร

สมัยก่อนจะรับใครเป็นลูกศิษย์ต้องผ่านการทดสอบ คำนวณสุริยาตต์ แก้ฤกษ์หรือศักราช หลายคนอยากมาเรียนโหราศาสตร์ไม่ได้ก็ไม่สามารถผ่านไปเรียนภาคพยากรณ์ได้ ไม่ใช่มาถึงสมัครปุ๊บสามารถเรียนได้ ทดสอบตลอด เรียกว่าการต่อวิชา ไม่มีการเลื่อนชั้นขึ้นไปชั้นสอง ชั้นสาม อาจารย์มีวิธีต่อวิชาลูกศิษย์ ถ้าต่อไม่ได้ก็ไม่ผ่าน ถ้าเอาแบบเดิมๆมาสอน มั่นใจว่าในร้อยคนผ่านเต็มที่คนเดียว” อ.วิวัฒน์กล่าว

ส่วนอ.ภิญโญ เล่าว่าแต่เดิมเรียนเอาจริงเอาจัง เป็นศิษย์ตัวต่อตัว อาจารย์ดูศิษย์หลายๆอย่าง ดวงชะตา ความประพฤติ โหรสมัยก่อนจบออกมาค่อนข้างดี เรียนหลายปี มีเกียรติภูมิ ทรงซึ่งภูมิความรู้ คุณธรรม

“สมัยก่อนมีแค่กระดานชนวนกับชอล์ก นอกนั้นต้องจำเอา เรียนกับพระ สมัยนี้สะดวกกว่าเยอะ อีกอย่างมีหนังสือขายเยอะเกลื่อน” พันเอกปรีชา แดงบุปผา โหราจารย์ด้านหัตถศาสตร์กล่าว

อ.ดวงสุริยะเนตร กล่าวว่า การดูมีการเปลี่ยนแปลงไปนับร้อยวิธีการ แต่ก่อนมีน้อย เพราะสังคมยังไม่กว้างขวาง เดี๋ยวนี้ขึ้นไปศูนย์การค้าก็จะเจอ หมอดู เมื่อก่อนหมอดูจะอยู่แถวสนามหลวง ไปอยู่ตามศูนย์การค้า วัดวาอาราม ทั่วทุกหนแห่ง เมื่อโลกวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า คนยิ่งเชื่อเรื่องดวงมากขึ้น เพราะมีการปรับเอาวิทยาศาสตร์มาแก้ไขคำพยากรณ์ เช่นใช้คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก กดเข้าไปออกมาเป็นตำแหน่งวงดาวต่างๆ แต่ราคาสูง

อ.วิวัฒน์ แรกที่ตัดสินใจเรียนเพื่อนๆจะแอนตี้ โหราศาสตร์ไทยช่วงแรกในเมืองไทย คนที่มีการเรียนการศึกษาสูงๆยังไม่ยอมรับ คนที่มาเรียนส่วนใหญ่มีความรู้น้อย คนเรียนสูงจะรู้สึกอาย ปกปิด ปัจจุบันคนที่มาเรียนส่วนใหญ่จบปริญญาโท ตรี สังเกตที่สมาคมจะไม่มีการเรียนศึกษาสูง เฉพาะกลุ่มแม่บ้าน หรือผู้ที่ว่างงานก็มาเรียน ปัจจุบันมีการศึกษาสูง เรียนจากเมืองนอกก็มี นับวันคนที่มีการศึกษาสูงจะนิยมมาเรียนวิชาโหราศาสตร์กันเยอะขึ้น

อ.อิสสริยะ ประชาชนเข้าใจการดำเนินชีวิตมากขึ้น ใช้โหราศาสตร์ให้เป็นประโยชน์ในเรื่องของการตัดสินใจ ไม่งมงายในเรื่องของการหลงเชื่อ อาศัยเป็นแนวทางการตัดสินใจ เช่นทางธุรกิจ ดูว่าหากลงทุนไปแล้วจะดีหรือไม่ ประกอบกับพิจารณาหลักเศรษฐศาสตร์

เมื่อก่อนต้องเป็นคนที่สนใจ อยากรู้จริงๆไม่เกี่ยวกับเรื่องของรายได้ เดี๋ยวนี้การเรียนง่ายจะรู้หรือไม่อีกเรื่อง ลูกศิษย์ที่เรียนอายุ 20 กว่า กว่าจะได้นำออกไปใช้จริงๆอายุ 40-50 กว่า ศึกษามาตลอดชีวิตพิธีกรรม เช่นการสะเดาะเคราะห์ บายศรีน้อยลง เป็นเรื่องของทรงเจ้าเข้าทรง แนะให้ทำบุญมากกว่า

สมัยก่อนหมอดูอยู่กับบ้าน หรือไม่ก็พระเป็นหมอดู พันเอกปรีชากล่าวว่าเดี๋ยวนี้คนทั่วไปไม่ว่าหญิงหรือชายเป็นหมอดูเกลื่อนไปหมด โหรจำนวนมากออกนั่งตามห้างสรรพสินค้า เวลาคนมาเดินเที่ยวอยากดูแวะมาดู

เมื่อก่อนเป็นวิชาสำหรับคนที่อยากรู้จริงๆถึงจะมาเรียน จบแล้วออกไปช่วยเหลือคน ปัจจุบันเรียนเพื่อเป็นอาชีพ ผู้ที่จบการศึกษาระดับสูงให้ความสนใจมาเรียนมากขึ้น ดูจากลูกศิษย์ที่มาเรียน ไม่เคยยอมรับอะไรเลย เรียนสูงๆต้องการเหตุผล ไม่ใช่เชื่อเลย เหมือนการตั้งคำถามว่าเรื่องของดวงดาวเกี่ยวกับโหราศาสตร์จริงหรือไม่

นักพยากรณ์ที่ดีต้องมีคุณสมบัติ

“คนที่จะเป็นหมอดูได้ต้องมีความฉลาดคิด มีคุณธรรม จึงจะได้กุศล อย่าเอาวิชานี้ไปใช้ในทางที่ไม่ดี หลอกลวงคนดู” อ.ดวงสุริยะเนตรกล่าว

“โหรโบราณบุคลิกดี ไม่โลภมาก เห็นแก่ได้ จะช่วยเหลือกันดี สมัยนี้หมอดูลวกๆไม่รู้จริง ชอบสะเดาะเคราะห์ สมมติเอาเงินจากคนดูโดยไม่ชอบ ลูกหลานก็จะย่ำแย่เค้าถือกันอย่างนั้น"อ.วิวัฒน์กล่าว

“คนทำนายดูตามใจลูกค้า ทำให้ลูกค้าชอบใจแต่ไม่ได้ประโยชน์จากโหราศาสตร์อย่างแท้จริง อยู่ที่ตัวของโหรด้วยที่จะชี้แจงสิ่งที่เป็นความจริงให้ลูกค้าไม่ใช่เดา หรือตอบเอาใจ ต้องมีจรรยาบรรณของโหร เน้นซื่อสัตย์ต่อตัวเองเป็นเรื่องของการทำนาย รู้ก็บอกว่ารู้ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้เริ่มเรียนแรกๆจะสอนเลยว่าหากไม่รู้ว่าอันไหนไม่แน่ใจห้ามเดา ถึงจะเดาถูก ต่อไปจะทำให้ติดเรื่องการเดา คิดไม่ถูกเริ่มเดา ถ้าไม่แน่ใจอย่าพูดออกไปดีกว่า” อ.อิสสริยะกล่าว

“ทายสมพงศ์เมียผัวเรื่องชั่วดี ทายชีวีวิบัติตัดชันษา ทายคุณโทษทารกทาริกา เรียนโหราครูห้ามการทำนาย หมายถึงครูห้ามพินิจพิเคราะห์ให้ดี ดังนั้นจะออกคำพยากรณ์ต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้มารับการพยากรณ์ บางครั้งทำให้จิตใจคนฟังเสีย ดังนั้นโหรที่ดีไม่ใช่มีความรู้อย่างเดียวแล้วทายได้ ต้องมีศิลปะผสมกับจิตวิทยาในการพยากรณ์ที่ละมุนละม่อม” อ.ภิญโญยกตัวอย่างจรรยาบรรณโหร

หลักสูตรเด่นครูดังประจำสถาบัน

สถาบันสอนอบรมวิชาโหราศาสตร์มีหลายแห่ง เปิดสอนตามย่านชุมชนและในวัด อาทิ สมาคมสหพันธ์โหร สมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์ สมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปภัมภ์ สมาคมโหรนานาชาติ เป็นต้น

หลักสูตรแต่ละที่ไม่ต่างกัน หากเป็นโหราศาสตร์ขนานแท้ ได้แก่ หลักสูตรโหราศาสตร์ไทยพื้นฐาน ภาคพยากรณ์ และชั้นสูง ศาสตร์แขนงอื่นใช้หลักการเดินของดวงดาวประกอบ เช่น หัตถศาสตร์พื้นฐาน-ชั้นสอง ลายมือคือสัญญาและกติกาของชีวิต พิธีกรรมแบบโบราณของไทย ขงเบ้งดูดาว เลข 7 ตัวระบบพระเคราะห์เจ้าเรือน

ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ อาทิ ไพ่แขนงต่างๆ ไพ่ป๊อก ไพ่ยิบซี ไพ่ทาโรต์ โหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย ลายเซ็น โหราศาสตร์แบบสากล (ยูเรเนียน) โหราศาสตร์ภารตะ โหราศาสตร์แบบพม่า

แต่ละแห่งมีโหราจารย์ชื่อดังประจำ บางท่านรับสอนหลายที่ ลูกศิษย์ลูกหาที่สนใจ รู้จักชื่อเสียงก็ตามไปเรียน บางคนสนใจเรื่องหัตถศาสตร์ ติดตามไปเรียนกับพันเอกปรีชา แดงบุปผา โหราจารย์ชื่อดังแห่งสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นต้น

โรงเรียนโหราศาสตร์ไทยมาตรฐาน ย่านลาดพร้าว ซอย 62 ดำเนินการสอนโดยอิสสริยะ สิทธิศักดิ์ โหราจารย์ชื่อดังอีกคนลูกศิษย์ของอาจารย์ส.หรือ สวาท ไชยนันทน์ โหราจารย์ชื่อดังซึ่งสืบเชื้อสายต้นตระกูลโหรราชสำนักจากบรรพบุรุษ ปัจจุบันเปิดสอนทางไปรษณีย์ หลักสูตร 12 เดือน

“พ่อเป็นนักโหราศาสตร์ เรียนรู้จากพ่อ มาตลอดจนได้พบกับอาจารย์ส. จึงได้เริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยมาตรฐาน หลักสูตรสมัยใหม่ปรับเพิ่มในเรื่องของปรัชญาของดาวให้มากขึ้นเพื่อความเข้าใจของนักศึกษารุ่นใหม่”

“เป็นโรงเรียนแห่งแรกได้รับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ เน้นสอนหลักสูตรโหราศาสตร์ไทยมาตรฐาน จากเริ่มต้นที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์เลย กระทั่งดูเป็น จำนวนหลักสูตรมีทั้งหมด 48 บท”

“หลักสูตรทั้งหมดเรียน 1 ปี เดือนละ 4 บท เปิดให้เรียนทางไปรษณีย์มาตั้งแต่ปี 2536 คนที่มาเรียนมีทั้งเจ้าของกิจการ นักศึกษา คนสูงอายุ คนทั่วไป เอาไว้ดูให้ตัวเอง ลูกหลาน คนสนิท วัยรุ่นมาเรียนมาก ทั้งต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ เวลาเปิดอบรมในห้องเรียน ผู้สนใจมีทั้งระดับปริญญาตรีและโท เพราะมีการกล่าวถึงเรื่องของดวงดาว วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติและพุทธศาสนา”

อ.ชุลิตา จินตวีรพันธ์ สอนโหราศาสตร์ไทยชั้นสูง ที่มูลนิธิสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ในฐานะที่ศึกษาโหราศาสตร์สากลอย่างยูเรเนียน ลูกศิษย์พลตรีประยูร พลอารีย์ โหราจารย์ผู้ล่วงลับ ซึ่งมีชื่อเสียงในศาสตร์แขนงนี้ ผลิตลูกศิษย์จบจากโรงเรียนโหรศาสตร์กรุงเทพออกไปจำนวนมาก

ชุลิตาเล่าว่าศาสตร์แขนงนี้ เป็นโหราศาสตร์ชั้นสูงของเยอรมนี แพร่หลายนิยมมานาน ใช้ระบบดวงดาว วิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์มาใช้ เป็นสถิติมาใช้ประกอบการทำนาย องศาดาวที่ดี ทำมุมเป็นองศาก่อให้เกิดความเสี่ยง

นักศึกษาศึกษาพวกคอมพิวเตอร์ เด็กรุ่นใหม่สนใจ ผู้ศึกษาส่วนใหญ่ต้องมีพื้นความรู้การคำนวณ ความจำดี ชอบค้นคว้าวิจัย ยิ่งผ่านโหราศาสตร์ไทยมาก่อน ช่วยให้เข้าใจความหมายดาวพื้นฐานได้เร็วขึ้น

หลักสูตรเรียนเกี่ยวกับความหมายดาว เรือนชะตา การผูกดวงด้วยมือโดยใช้ปฏิทินประกอบ การพยากรณ์ จานคำนวณ ปฏิทินดาวตั้งแต่ปี ค.ศ.1900-2050 ไม่ต่างจากโหราศาสตร์ไทย ๆ เพียงแต่มีจำนวนดาวมากกว่าโหราศาสตร์ไทย ถือเป็นสุดยอดโหราศาสตร์ที่ใช้ในการพยากรณ์หุ้นเป็นรายวัน ชั่วโมง แม้แต่นาทีได้แม่นยำสูง

สนนราคาค่าเล่าเรียนแต่ละคอร์ส บางแห่งคิดเป็นเดือน คอร์ส 2 เดือน ประมาณ 1,000 บาท อบรม 4 ขึ้นไปจนถึง 8 เดือนคิดราคา 2,000 กว่าบาท หากเป็นโหราศาสตร์สากล (ยูเรเนียน) 6 เดือน ค่าอบรมตกอยู่ 8,000 บาท

สมาคมโหรนานาชาติเป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีผู้สนใจเข้ารับการอบรมจำนวนมาก วีระพงศ์(สงวนนามสกลุ) อายุ 32 ปี หนุ่มพนักงานบริษัท เรียนจบทางวิศวกรรมศาสตร์อิเล็กทรอนิก นักเรียนโหราศาสตร์ขั้นพื้นฐาน มาเรียนเพราะ ต้องการพิสูจน์วิชาโหราศาสตร์แท้จริงคืออะไร

“เคยคิดว่าเป็นเรื่องงมงาย เป็นคนยุคใหม่ต้องมีเหตุมีผล พอเกิดอุบัติเหตุตรงตามทำนาย พร้อมอีก 3 เหตุการณ์ที่ทักแล้วเกิดขึ้นจริง สงสัยอยู่ในใจว่ารู้ได้ไง ใช้อะไรมาทำนาย ค่าใช้จ่ายถูกเดือนละ 250 เรียนเดือนละ 4-5 อาทิตย์ ตกชั่วโมงละ 3-4 บาทถือว่าคุ้ม”

เพื่อนๆในห้องเรียนเดียวกัน บางคนมีความเชื่อเรื่องดวงชะตาอยู่ก่อนแล้ว บางคนเรียนเพื่อรู้ ส่วนใหญ่มาเรียนเพราะอยากรู้ไม่อยากถูกหลอก มีทุกวัย นักศึกษา ปริญญาโท เด็กอายุ 20 กว่าๆ ไปจนถึงอายุมากๆ เรียนจบวิศวคอมพิวเตอร์ก็มี คนรุ่นใหม่ หันมาศึกษากันเยอะ บางคนอายุแค่ 25 ปีแต่เก่งมากๆ

จากเวลาร่วม 4 เดือนที่ได้เริ่มศึกษาศาสตร์แขนงนี้ เขามองว่าวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายความเป็นไปทั้งหมดของโลกได้ อย่างคนที่มีความรู้ เงินตราเท่าๆกันแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกันทุกอย่าง

วิชาโหราศาสตร์เบื้องต้น เรียน 1 ปี เริ่มต้นศึกษานิสัยดาว จักรราศี เรือนชะตา ธาตุ เหมือนกับการเรียนหนังสือทั่วๆไป แต่ต้องมีจินตนาการ ดาวแต่ละดวง มีนิสัยอย่างไร มีการเดิน(เคลื่อนที่)อย่างไร

โหราศาสตร์ทำนายแม่น 70 เปอร์เซ็นต์ถือว่าสุดยอดแล้ว ในคนเดียวกัน ทำนายรายแรกได้ถูกเป๊ะ อีกคนอาจผิดไปเลยก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นกึ่งอภิญญา คาดเหตุการณ์ได้กว้างๆ

บรรยากาศในห้องเรียนจะมีการถาม-ตอบ ทดสอบที่กระดาน พร้อมกับข้อสอบวัดผลในตอนจบหลักสูตร เรียนวิทยาศาสตร์วิชาว่าด้วยเหตุและผลมาก่อน ช่วยให้เรียนไปได้เร็ว

ประโยชน์ที่ได้อย่างน้อยรู้จักตัวเอง นิสัยใจคอ ช่วงไหนเป็นโอกาสและไม่ใช่โอกาสของเรา วิชาจะมีคุณค่าต่อเมื่ออยู่กับคนดี มีคุณธรรม เมื่อใดอยู่กับคนไม่ดีเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ จากความเดือดร้อนทุกข์ใจของคนอื่น

หากจะเรียนให้ลึกซึ้งต้องใช้เวลาอีก 30 ปี ไม่ได้ลงทุนอะไรเลย จริงๆต้องซื้ออุปกรณ์ปฏิทินโหราศาสตร์ แต่อาศัยเปิดตามเว็บไซต์ แล้วดาวน์โหลดออกมา ซึ่งเดี๋ยวนี้มีมากมาย เขียนโปรแกรมปฏิทินไม่ต้องลงทุน

ตราบใดที่คนเรายังมีความหวังในชีวิต ยังต้องพึ่งพิงโหราศาสตร์

ตราบใดที่วิทยาศาสตร์อธิบายได้ไม่หมด โหราศาสตร์ก็ยังจะคงอยู่คู่กับความเชื่อของมนุษย์โลกต่อไป


เทคนิคดูดวงในยุคไอที

ใครว่าชาวตะวันตกไม่เชื่อเรื่องโชคลางดูดวง หากถามบรรดาโหราจารย์ชื่อดังล้วนตอบว่าไม่จริง แถมบางครั้งเชื่อมากกว่าคนไทยเสียอีก สมัยหนึ่งฮิตเลอร์ยังมีหมอดูประจำตัว ชาวต่างประเทศอยากจะเข้ามาศึกษาโหราศาสตร์ในเมืองไทย ติดอุปสรรคด้านการสื่อสารกันลำบาก

เรื่องที่ถามหากเป็นชาวตะวันตกจะสนใจซักถามเรื่องของสุขภาพ ต่างจากคนที่เน้นเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง“มีฝรั่งคนหนึ่ง สาม-สี่เดือน ดูครั้งจะถามละเอียดเกี่ยวกับการลงทุน แต่คนไทยจะถามอีกแบบ ฝรั่งหากจะดูเส้นลายมือจะดูเรื่องสุขภาพ ไม่ห่วงชีวิตขึ้น-ลงไม่มีความหมาย ถึงจะตกงานก็มีรัฐให้เงิน บ้านเราไม่มี มุมมองความสนใจดูแต่ละเรื่องจึงต่างกัน การทำนายต่างกันฝรั่งหากโดนทักเรื่องเจ็บป่วยหนักจะตกใจมาก ทายว่าจะตกงานไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ คนไทยหากโดนทักว่าจะตกงาน ธุรกิจเสียหายจะตกใจมาก” อ.วิวัฒน์กล่าว

ส่วนเทคนิคดูดวงให้เกิดประโยชน์สูงสุด โหราจารย์หลายท่านแนะนำไว้ดังนี้
1.ต้องไปดูกับคนที่ไว้ใจได้มีศีลธรรม
2.ดูไปปรับปรุงจุดอ่อน-จุดแข็ง
3.เชื่ออย่างมีเหตุผล ไม่งมงายโดยขาดสติ เพราะดวงดาวทั้งหลายไม่ได้มากำกับทุกอย่าง สุดท้ายตัวแต่ละคนนั้นต่างหากที่เป็นผู้เลือกทางเดินเอง

ขอขอบคุณข้อมูล จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ www.manager.co.th