Welcome to
ห้องโหรแว่นทิพย์
ศาสตร์แห่งปัญญาเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
โดย : เพ็ญศรี พงษ์พานิช พยาบาลวิชาชีพ 7 งานรักษาพยาบาลในชุมชน ร.พ.ราชวิถี
มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม การพยากรณ์ของโรคมะเร็งเต้านมขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนและระยะที่ตรวจพบ ถ้าตรวจพบว่ามะเร็งยังคงเป็นอยู่เฉพาะที่เต้านมและได้รับการรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที ผู้ป่วยจะมีอัตราการอยู่รอดในระยะ 5 ปี แรกถึงร้อยละ 87 แต่อัตราการอยู่รอดนี้จะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 47 ถ้ามะเร็งแพร่กระจายลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ นอกจากนั้นขนาดของก้อนมะเร็งเต้านมที่ค้นพบก็มีความสำคัญ ถ้าพบก้อนขนาดเล็กกว่า 2 ซม. ผลการรักษาจะดีมาก ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตรอดในระยะ 10 ปี ถึงร้อยละ 80 ถ้าหากขนาดของมะเร็งเต้านมโตมากกว่า 5 ซม. พบว่าอัตราการอยู่รอดในระยะ 10 ปี จะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 44 จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว ทั้งๆที่โรคนี้สตรีสามารถตรวจค้นความผิดปกติหรือตรวจพบได้ด้วยตนเอง แต่จากข้อเท็จจริงพบว่าสตรีที้ยังขาดความรู้ความเข้าใจและทักษะการตรวจเต้านม ส่วนใหญ่ไม่เคยตรวจเต้านมด้วยตนเอง
บทบาทของพยาบาลคือต้องกระตุ้น สนอแนะ และฝึกทักษะให้สตรีสามารถตรวจค้นความปิดปกติของเต้านมได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะสตรีที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไปเป็นวัยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมสูง ควรตระหนัก ถึงความสำคัญและมีทักษะในการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกคนโดยตรวจหลังจากมีประจำเดือน 1 สัปดาห์ทุกๆ เดือน
การตรวจเต้านมด้วยตนเองมีทั้งวิธีดูและวิธีคลำ
เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายลักษณะผิดปกติของเต้านม จึงมีการแบ่งเต้านมออกเป็น สี่ส่วน แต่ละส่วนเรียก Quadrants โดยแบ่งตามเส้นแนวตั้งลากตัดกับแนวนอน ตัดกันที่หัวนม หรืออาจจะระบุตำแหน่งตามหน้าปัทม์นาฬิกา โดยระบุห่างจากหัวนมกี่เซนติเมตร (ดังรูป)
ข้อสังเกตเกี่ยวกับวิธีการดู การดูลักษณะต่าง ๆ ที่มักพบในมะเร็งเต้านมมีดังนี้
- รอยบุ๋มของผิวหนัง (Skin dimpling) เป็นอาการแสดงของมะเร็ง ควรตรวจดูในท่าต่าง ๆ ลองกดดู หรือบีบเบา ๆ
- รูปร่างของเต้านมผิดปกติ (Abnormal contour) ให้คนไข้ยกแขนสูงขึ้นเหนือศรีษะ ถ้ารูปร่างผิดปกติ ดูให้ละเอียดทั้งส่วนเว้าและส่วนนูนของเต้านม
- สีของเต้านมแดง เรียบจนหนา (Pagets disease = มะเร็งของเต้านมชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะผิวหนังสีแดง เรียบหนา และผิวหนังหยาบขึ้นจาก Erosion หรือ Ulceration ของหัวนม (Nipple) และลานหัวนม (Areola) ไม่ว่าชนิดใด ให้คำนึงถึงมะเร็ง
- การบวมของผิวหนัง (Edema of the skin) ผิวหนังหนาคล้ายเปลือกส้ม (Orange peel) ผิวหนังบวม เกิดจากทางเดินน้ำเหลืองอุดตัน ทำให้ผิวหนังหนา เห็นรูขุมขนชัดเจน มีลักษณะคล้ายเปลือกส้ม ซึ่งมักจะมีการแสดงที่ลานหัวนม (Areola) ก่อน ส่วนใหญ่พบในรายที่เป็นมะเร็ง
- หัวนมถูกดึงรั้ง หรือราบลง (Nipple flattening or retraction) Fibrosis จากมะเร็งบริเวณหัวนมจะทำให้หัวนมถูกดึงรั้ง ทำให้เกิดลักษณะใหญ่ขึ้นบางที่ หรือบางที่ราบลง
- หัวนมบอด (Nipple inversion) การที่หัวนมบอด อาจพบเป็นความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด แต่ถ้าเกิดขึ้นภายหลังให้คำนึงถึงมะเร็ง
- หัวนมเบี่ยงเบนจากเดิม (Nipple deviation) การเกิด Fibrosis จากมะเร็งอาจทำให้ Axis ของหัวนมเปลี่ยน โดยอาจเฉไปด้านที่มีก้อนมะเร็ง
การตรวจเต้านมด้วยวิธีคลำ ใช้ส่วนปลายนิ้วชี้ นิ้วนาง นิ้วกลาง คลึงรอบ ๆ เต้านม ไม่ควรกดแรงหรือเบาเกินไป เพราะถ้ากดแรงเกินไปจะพบแต่กระดูก ถ้ากดเบาเกินไป จะผิวเผินไม่ถึงก้อน ควรเริ่มคลำที่ส่วนบนด้านนอก (Upper outer qadrants=UOQ) ก่อน เพราะส่วนใหญ่มักพบความผิดปกติที่ UOQ
ข้อสังเกตเกี่ยวกับวิธีคลำ ลักษณะต่าง ๆ ที่มักคลำพบในมะเร็งเต้านม มีดังนี้
- ความแข็ง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามวัยประจำเดือน การตั้งครรภ์ และการให้นมบุตร
- กดเจ็บหรือไม่
- มีก้อนหรือถุงน้ำ (Mass หรือ Cyst) หรือไม่ ถ้ามี กลมหรือแบน ขอบผิวของก้อนคลำได้ชัดเจนหรือนิ่มไปหมด ก้อนนั้นเคลื่อนที่ได้หรือไม่ มีจำนวนกี่ก้อน ลักษณะสีผิวบริเวณนั้นเป็นอย่างไร สีคล้ำหรือ ผิวหนังมีรอบดึงรั้ง (Retraction) หรือรอบบุ๋ม (Dimple) หรือผิวหนังเป็นลักษณะบวมมีรูคล้ายผิวส้ม (Peels orange)
- คลำดู ต่อมน้ำเหลือง (Lymph node) โตหรือไม่ ถ้าโตให้ดูตำแหน่ง จำนวน รูปร่าง ขนาดความแข็ง ความเจ็บ การเคลื่อนไหว การเกาะติดกัน
ต่อมน้ำเหลืองที่รับของเสียจากบริเวณเต้านม และแขน
- ถ้ามีรอบบุ๋มหรือสังเกตเห็นไม่ชัดเจน ให้ผู้ป่วยยกแขนขึ้นเหนือศรีษะ หรือท้าวแขน 2 ข้างที่เอว
- ถ้ามีสิ่งใด (Discharge) ไหลจากหัวนมให้ใช้ปลายนิ้วกดรอบ ๆ ดูว่า Discharge นั้นออกจากท่อใด Discharge เป็นเลือดมักพบใน Intraductal papilloma
- ในรายที่เต้านมใหญ่ (Pendulous) ให้ยืนโน้มตัวมาข้างหน้า มือจับพนักเก้าอี้
สำหรับเพศชาย ดูว่าหัวนมมีก้อน บวม มีแผลหรือไม่ คลำลานนม เพื่อตรวจหาก้อน
ก้อนที่เต้านมจำแนกได้ดังนี้
- ถุงน้ำ (Cyst) ลักษณะกลม ค่อนข้างนิ่มถึงแข็ง ยืดหยุ่น ขอบเขตชัดเจน เคลื่อนที่ได้ ส่วนใหญ่จะกดเจ็บ ไม่มีลักษณะหดรั้ง (Retraction sign) อาจพบก้อนเดียวหรือหลายก้อน มักพบในอายุ 30-35 ปี ก้อนจะเล็กลงในวัยหมดประจำเดือน
- ก้อนเนื้องอก (Adenofibroma หรือ Benign neoplasm) ลักษณะกลมหรือแบน หรือ Lobular ปกติแข็ง แต่อาจนิ่มได้ มีขอบเขตชัดเจน เคลื่อนที่ได้มาก ปกติกดจะไม่เจ็บ ไม่มีลักษณะหดรั้ง (Retraction sign) ปกติพบก้อนเดียว แต่อาจมีหลายก้อนได้ มักพบในวัยสาวรุ่นถึงอายุ 55 ปี
- มะเร็ง (Cancer หรือ Malignant neoplasm) ลักษณะเป็นก้อนแข็ง ขอบเขตไม่ชัดเจน แยกมาจากเนื้อเยื่อรอบ ๆ บางทีติดกับผิวหนัง หรือผนังทรวงอก ปกติกดจะไม่เจ็บ นอกจากเป็นมากจนอักเสบแล้วปกติพบก้อนเดียว แต่อาจพบร่วมกับ Nodule ประเภทอื่น ๆ มักมีลักษณะหดรั้ง (Retraction sign) ส่วนมากพบในวัยกลางคนจึงถึงวัยสูงอายุ (35-80 ปี)
ข้อควรคำนึงเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม
- สาเหตุ สาเหตุการเกิดโรคยังไม่ทราบแน่นอน แต่พบว่าการคั่งของน้ำนมในเต้านมนาน ๆ และการกด หรือถูกระคายเคืองนาน ๆ อาจเป็นสาเหตุส่งเสริมให้เกิดโรคนี้
- มักพบในหญิงที่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรแต่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมตนเอง
- หญิงที่มีประวัติบุคคลในครอบครัว เช่น มารดา ย่า ยาย ญาติพี่น้อง ป้า น้า อา เป็นมะเร็งเต้านม
- อาการเริ่มแรก เริ่มด้วยการมีก้อนเล็ก ๆ ขึ้นที่เต้านมด่อน โดยไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ
- ก้อนโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เต้านมรูปร่างผิดปกติ อาจใหญ่ บุ๋ม หดรั้ง บางครั้งอาจแข็งตัว แบน หรือดูเล็กลง
- มะเร็งจะลุกลามแพร่กระจายจากตำแหน่งที่เกิดไปตามหลอดเลือด น้ำเหลืองสู่ส่วนอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว ที่พบบ่อยที่สุดได้แก่ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้จะโตขึ้น
- แม้ว่าก้อนที่เต้านมอาจเป็นเนื้องอกชนิดธรรมดา แต่เมื่อพบสิ่งผิดปกติต่าง ๆ ควรพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเสียตั้งแต่แรก
เอกสารอ้างอิง
พิสิษฐ พันธุจินดา และ ศณีนาฐ สนธิพงษ์. (2532). สถานภาพของโรคมะเร็งในปัจจุบัน แนวโน้มในอนาคตและแนวทางควบคุม. วารสารโรคมะเร็ง, 15(มกราคม-มีนาคม), 34-39.
ไพรัช เทพมงคล. (2524). โรคมะเร็ง. กรุงเทพมหานคร: อักษรเจริญทัศน์.
สุนันทา จริยาเลิศศักดิ์ และคณะ.(2524). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับมะเร็งเต้านม. วารสารโรคมะเร็ง, 4 (มกราคม-มีนาคม), 19-24.
แบบทดสอบการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง
โดย : เพ็ญศรี พงษ์พานิช พยาบาลวิชาชีพ 7 งานรักษาพยาบาลในชุมชน ร.พ.ราชวิถี
1. การตรวจเต้านมด้วยตนเองควรจะกระทำเมื่อใด
1. ก่อนมีประจำเดือน 1 สัปดาห์
2. ช่วงใดสะดวกก็ทำได้
3. หลังมีประจำเดือน 1 สัปดาห์
4. หลังมีเพศสัมพันธ์
2. มะเร็งเต้านมเกิดกับบุคคลใดได้บ้าง
1. หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป
2. หญิงอายุ 20 ป
ี3. ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป
4. เกิดได้กับทุกคน
3. บุคคลใดมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากที่สุด
1. หญิงที่มีรูปร่างอ้วน
2. หญิงที่ไม่มีบุตร
3. หญิงที่ไม่มีบุตร และบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม
4. หญิงที่มีบุตรและเลี้ยงลูกด้วยนมตนเอง
4. ข้อสังเกตที่ต้องรีบมาพบแพทย์
1. รูปร่างของเต้านมผิดปกติ
2. สีของเต้านมแดงเรียบหนา
3. หัวนมเบี่ยงเบนไปจากเดิม
4. ถูกทุกข้อ
5. บุคคลใดมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมน้อยที่สุด
1. หญิงเลี้ยงบุตรด้วยนมตนเอง
2. หญิงที่ไม่ได้เลี้ยงบุตรด้วยนมตนเอง
3. หญิงที่ไม่มีบุตร
4. หญิงที่มีประวัติครอบครัวมีบุคคลเป็นมะเร็งเต้านม
เฉลยตอบ
1) ตอบ ข้อ 3 เหตุผล . ควรตรวจหลังมีประจำเดือน 1 สัปดาห์ของทุก ๆ เดือน เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ๆ สามารถคลำพบสิ่งผิดปกติได้ง่ายกว่าในช่วงอื่น ๆ
2) ตอบข้อ 4 เหตุผล เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย และทุก ๆ คน แต่ส่วนใหญ่จะพบในหญิงที่อายุ 30 ปีขึ้นไป
3) ตอบ ข้อ 3 เหตุผล บุคคลที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากที่สุด คือ หญิงที่ไม่มีบุตร และบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม เนื่องจาก โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ และพบมาในหญิงที่ไม่มีบุตร และ/หรือ มีบุตรแต่ไม่ได้เลี้ยงด้วยนมตนเอง
4) ตอบ ข้อ 4 เหตุผล ข้อสังเกตที่ต้องรีบมาพบแพทย์ นอกจาก 4 ข้อดังกล่าวแล้ว ยังมี ข้อสังเกตอื่น ๆ ดังนี้
- รอยบุ๋มของผิวหนัง
- การบวมของผิวหนัง
- หัวนมถูกดึงรั้ง
- หัวนมบอด
5) ตอบ ข้อ 1 เหตุผล คือ จากการวิจัยที่ผ่านมาพบว่า การให้นมบุตรด้วยตนเองจะทำให้ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมลดน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้นมบุตรต่อเนื่องกันเป็นระเวลา 1 1/2 ปี ถึง 2 ปี
ที่มา สถาบันมูลนิธิเด็ก