วีระ กิจรัตน์ เรื่อง : ภาพ
|
หลังจากเยือนสุสานเจ้าเมืองระนอง คอซูเจียง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันรุ่งขึ้น ผมได้ไปบ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของจังหวัดระนอง หรือเป็นที่รู้จักกันในนามผู้ประกอบการธุรกิจสปาว่า Siam Hot Spa Ranong ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการประมูล และทำธุรกิจสปาอยู่ที่บ่อน้ำแร่ร้อน "รักษะวาริน" แห่งนี้ ระยะทางจากถนนเพชรเกษมเพียง 1 กิโลเมตร ผ่านถนน ถนนชลระอุ ซึ่งใน พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสเมืองระนอง ได้พระราชทานชื่อถนนนี้ไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อถนนอื่นๆในตัวเมืองระนอง รถมาจอดตรงหน้าอาคารรูปทรงทันสมัย จัดตกแต่งด้านหน้าเอาไว้อย่างสวยงาม ร่มรื่น ด้านตรงกันข้ามนั้นคือบ่อน้ำแร่ร้อน แลเห็นไอน้ำกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ถัดลงไปมีลำธารที่เต็มไปด้วยหินก้อนกลมดำเป็นมันมากมาย จนน่าจะจัดว่าเป็นแก่งก็ว่าได้ กระแสน้ำนั้นค่อนข้างแรง ฉากหลังนั้นเป็นป่า ที่อุดมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ตระหง่านอยู่ลิบๆตา ใต้เงาไม้ใหญ่ด้านขวาของบ่อนน้ำร้อน นั้นเป็นทางเดินไปสู่สะพานไม้ที่ทอดข้ามไปยังอีกฝั่งที่จัดเป็นที่นั่งพักผ่อน ทอดยาวลงไปตามริมฝั่งลำห้วยนั้นทั้ง 2 ฝั่ง เรียกสถานที่ตรงนี้ว่า สวนสาธารณะ รักษะวาริน |
สิ่งที่ผมทำเป็นอย่างแรกหลังจากลงรถ ก็คือตรงดิ่งเข้าไปหากลิ่นบ่อน้ำแร่ร้อนนั้นก่อนเพราะตั้งใจจะเก็บภาพบ่อน้ำร้อนตอนที่ไม่มีคนอยู่ด้วย แต่ไม่ทันที่จะไปถึงก็มีเหตุให้ต้องวิ่งกลับเข้าไปยังอาคารนั้นเพราะฝนเทลงมาอย่างที่ไม่ได้รู้ตัวอีกตามเคย ผมยังแปลกใจไม่หายที่ไม่ค่อยเห็นคนที่นี่เขาจะวิตกอะไรกับฝนที่พร้อมจะตกอยู่ทุกเวลา แต่สำหรับผมแล้วไม่ได้กลัวฝนหรอก ห่วงก็แต่เจ้ากล้องดิจิตอลแสนจะเซ็นซิทีฟนี่แหละ
.. กลัวว่าจะจากไปก่อนเวลาอันควร
|
อาคารสยามฮอทสปา ที่ได้รับการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เพื่อที่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ตอนรับนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศนั้น เทศบาลเมืองระนองได้รับเงินสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดสร้างขึ้น ปัจจุบันบริหารงานโดย บริษัท สยามฮอทสปา ระนองจำกัด รูปแบบการให้บริการก็เป็นเหมือนสปาทั่วไป มีอ่างอาบน้ำแร่ร้อนธรรมชาติแบบจากุ๊ซซี่ อ่างใหญ่ หญิง ชาย อ่างจากุ๊ซซี่ ห้องส่วนตัว VIP ห้องอาบน้ำแร่ส่วนตัว ห้องสำหรับผู้สูงอายุ ห้องอบไอน้ำสมุนไพร และห้องซาวน์น่า อีกทั้งมีบริการนวดแผนไทย ฟิตเนส และร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย จุดเด่นของน้ำแร่ร้อนที่ระนองก็คือเป็นน้ำแร่ที่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่น้อยมาก เมื่อเทียบกับบ่อน้ำแร่ร้อนอื่นๆ ภายในอาคารนั้นจัดแบ่งส่วนต่างๆไว้อย่างลงตัว มีอ่างจากุ๊ซซี่ขนาดใหญ่อยู่ตรงโถงกลาง ทางบริษัทได้จัดนางแบบไว้ให้เราถ่ายภาพกัน 3 4 คน ซึ่งหลังจากถ่ายภาพจะเป็นที่พอใจแล้ว เราก็ย้ายลงมาดูบ่อน้ำแร่ร้อนข้างล่างกัน |
|
|
ปากบ่อนั้นถูกยกให้สูงขึ้นด้วยคอนกรีตเป็นวงกลม สังเกตเห็นไอน้ำลอยสูงขึ้นและจางหายไปกับบรรยากาศอยู่ตลอดเวลา น้ำร้อนนั้นจะเอ่อล้นออกจากปากบ่อตลอดเวลาด้วยเช่นกัน สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือไม่มีกลิ่นของกำมะถันในบ่อนี้เลย ลองเอามือจุ่มดูก็รู้สึกว่ามันร้อนจริงๆด้วย
.จะไม่ให้ร้อนได้ไง ก็มันเป็นบ่อน้ำร้อนนี่นา (นึกในใจ) แต่สิ่งที่น่าแปลกใจกว่าคือตอนที่เขามาก่อปากบ่อ และปูพื้นด้วยหินแกรนนิตตรงนี้เขาไม่ร้อนกันหรือยังไง บ่อใหญ่ตรงกลางนี้เรียกกันว่า บ่อพ่อ เพราะว่าเป็นบ่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ใกล้ๆกันนั้น มี บ่อแม่ และ บ่อลูก ขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ ทั้ง 3 บ่อมีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส |
อีกมุมหนึ่งของบ่อน้ำแร่ร้อน เด็กชายวัยประมาณ 7ขวบกำลังง่วนอยู่กับการแนะนำเทคนิกการต้มไข่ในบ่อน้ำร้อนให้นักท่องเที่ยวดู เด็กผู้หญิงอีกคนอายุมากกว่ายิ้มทักทายนักท่องเที่ยวพร้อมกับชักชวนให้ซื้อไข่ไก่ และไข่นกกระทา ประมาณ 5-6 ลูก บรรจุอยู่ในถุงตาข่ายถักด้วยเชือกไนล่อนสีเขียว ราคา 20 บาท หลายคนสนุกกับการต้มไข่ในบ่อต้มไข่ (บ่อเล็กๆอีกบ่อด้านหลังบ่อพ่อ) โดยการเอาถุงตาข่ายบรรจุไข่นั้นจุ่มลงไปแล้วก็แขวนมันไว้กับ ที่แขวนทำด้วยเหล็กเส้นยื่นออกมาจากปากบ่อนั้น ประมาณ 10 กว่านาทีไข่ทั้งหมดก็สุกสามารถรับประทานได้ หลายคนผ่อนคลายโดยการนำเท้าไปแช่ในบ่อสีเหลี่ยมอีกบ่อ เขียนป้ายบอกไว้ว่า บ่อบำบัด เป็นบ่อเตี้ยๆทรงสี่เหลี่ยม มีที่นั่งขอบบ่อด้านนอก ด้านละ 4 5 ที่ และที่วางเท้าด้านใน ให้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งผ่อนอริยาบท ด้วยการแช่เท้าได้ แต่สำหรับผม แวบแรกที่เท้าสัมผัสน้ำร้อนๆ ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน รู้สึกว่ามันร้อนเกินไปหน่อย |
|
|
ด้วยคุณสมบัติต่างๆที่มีอยู่ในน้ำแร่ธรรมชาติ เช่น ช่วยกระตุ้นให้ระบบการหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต่างๆ หรือสามารถช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้นก็ดี ทำให้ปัจจุบันนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศหันมาสนใจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น ธุรกิจสปาก็ดูจะบูมอยู่ในระดับหนึ่ง และบ่อน้ำแร่ร้อนในจังหวัดระนองแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของชาวระนอง ไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ |