
วีระ กิจรัตน์ : เรื่อง / ภาพ

 |
หลายคนงุนงงกับคำว่า แรมซาร์ไซ้ด์ เมื่อย่างเข้าไปภายใน เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทะเลน้อย ผมก็เช่นกัน ได้อ่านจากแผ่นพับบอกว่าอุทยานนกน้ำทะเลน้อยแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น แรมซาร์ไซ้ด์...เอ๊ะ! อะไรหว่า ไม่เคยได้ยิน.... พอเข้าไปอ่านรายละเอียดข้างใน จึงถึงบางอ้อ ว่าอุทยานนกน้ำทะเลน้อยนั้นได้รับการลงนามในอนุสัญญาแรมซาร์ ว่าด้วยการเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำของโลก และกำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น วันพื้นที่ชุ่มน้ำของโลก ( World Wetlands Day ) |
 |
ณ ที่ทำการ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย หรือ อุทยานนกน้ำทะเลน้อย มีเอกสารต่างๆที่เป็นประโยชน์กับการศึกษาเรื่องราวของนกน้ำชนิดต่างๆ รวมถึงเจ้านกที่ถูกสต๊าฟเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวดูด้วย เรามาถึงที่นี่กันประมาณ ค่อนข้างจะสาย แต่ก็ยังทันได้ถ่ายภาพตอนที่ดอกบัวยังบานอยู่ เรือรับจ้างมีคอยรับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณศาลาด้านหน้าอุทยาน เป็นเรือหางยาวนั่งได้ 5 7 คน เห็นชาวบ้านที่ทั้งมาขับเรือและทำงานอื่นในอุทยาน เขามานั่งกินข้าวบนศาลานี้ผมเลยแวะเข้าไปขอน้ำกิน ป้าๆเลยชวนให้กินขนมจีนด้วยกัน พลางเปิดน้ำยาและเครื่องเคียงตามแบบฉบับอาหารใต้ให้ดู ผมได้แต่อมยิ้ม ผมต้องลงเรือแล้วครับป้า
. ขอบคุณมากครับ
ตั้งแต่ลงเรือผมยังไม่เห็นแววของบึงบัวธรรมชาติอย่างที่เห็นในรูปเลย มีแต่ต้นไม้น้ำหนาทึบซึ่งทราบต่อมาว่าเป็น ต้นกง ใบคล้ายๆใบเตย แต่ใหญ่และยาวกว่ามากครับ น้ำที่นี่ไม่ลึกบางช่วงนั้นรู้สึกได้ว่าเรือนั้นครูดไปบนดินโคลนข้างล่าง เรือแล่นไปตามร่องน้ำที่แล่นกันประจำฝ่าดงต้นกงและพืชน้ำอื่นๆหนาทึบ อีกสักครู่ต่อมาใบต้นกงหนาทึบเหล่านั้นก็เลือนหายไปจากทัศนวิสัย ในที่สุดเรือเราก็แล่นออกมาสู่เวิ้งน้ำกว้างใหญ่อันเต็มไปด้วยดอกบัวธรรมชาติ สีแดงอมม่วง เป็นบัวสายพันธ์ที่ขึ้นในน้ำจืด ยังโชคดีที่บัวนั้นยังบานอยู่ให้เราถ่ายภาพกัน เรือค่อยๆชลอความเร็วลงเพื่อให้เราได้เห็นความงามของบัวกันชัดๆ บ้างก็แวะจอดถ่ายภาพดอกบัวสวยๆกัน ตรงบริเวณเวิ้งน้ำนี้จะมีกอพืชน้ำขึ้นอยู่เป็นเกาะๆ เป็นที่อาศัยของนกนานาชนิด |
 |
แม้ว่าอุทยานนกน้ำทะเลน้อยแห่งนี้จะมีอาณาเขตติดต่อกับ ทะเลสาปสงขลา ซึ่งมีทั้งน้ำเค็ม และน้ำกร่อย แต่ด้วยระยะที่ห่างกันมากจึงทำให้น้ำนั้นกลายเป็นน้ำจืดไปโดยปริยาย ทะเลน้อยนี้อยู่ในเขต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง มีนกน้ำอยู่กว่า 150 ชนิด ทั้งนกอพยพ และนกประจำถิ่น
 |
ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูนกคือฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม ถึง เดือนเมษายน และเป็นที่แน่นอนว่าเรามากันค่อนข้างจะผิดเวลา เพราะในช่วงนี้จะได้เห็นก็แต่นกที่อยู่ประจำถิ่น เช่นนกอีโก้ง นกกระสา นกเป็ดน้ำชนิดต่างๆ ที่เห็นมากที่สุดก็คือนกอีโก้งที่อยู่กันเป็นฝูงๆ เวลาเรือเราแล่นผ่านไปมันจะค่อยๆ ย่อตัว จดๆจ้องพวกเรา สายตานิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจว่า จะไปดีหรือไม่ไปดี ผมยังนึกขำอาการของมันอยู่ไม่ลืม บางฝูงนั้นคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวมากๆ |

 |
มันก็ไม่ค่อยสนใจอะไร จะถ่ายรูปก็ถ่ายไป ฉันไม่แคร์ อะไรทำนองนั้น ในกอพืชน้ำที่เห็นเป็นเกาะอยู่ทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่จะมีนกเกาะอยู่เป็นฝูง เวลาเรือเราแล่นเข้าไปใกล้ๆมันก็จะบินขึ้นกัน พรึ๊บ! เพราะตกใจเสียงเครื่องเรือ เราต้องคอยจ้องไห้ดีถ้าจะถ่ายภาพ นกอีโก้งนั้นมีเอกลักษณ์ตรงที่สีสันที่สวยงาม ขนของมันจะมีสีฟ้าและสีเขียว หงอนเป็นสีแดงสดคล้ายหงอนไก่ ตัวโตเต็มที่มีขนาดเกือบเท่าไก่เลยทีเดียว
 |
เรือแล่นผ่านเวิ้งน้ำที่มีทั้งบัว และกอพืชน้ำเป็นช่วงๆ หางเรือนั้นพาเราแหวกน้ำและสายบัวออกไปสู่อีกด้านหนึ่งที่มีแต่พืชเรี่ยผิวน้ำ บริเวณนี้เราจะเห็นนกกาน้ำกันบ่อย เหมือนแถวนี้เป็นที่อยู่ของพวกมัน ตัวดำปิ๊ดปี๋และรูปร่างผอมเกร็งของมันเกาะอยู่บนปลายไม้ที่ปักอยู่ในน้ำนั้น มันกางปีกค้างอยู่อย่างนั้นจนเราเข้าไปใกล้ แล้วค่อยๆทิ้งตัวลงจากปลายไม้ ขยับ พรึ๊บๆ จากไปทันที |
 |
ลุงคนขับเรือจอดตรงนั้นสักพักหนึ่ง พาให้เรางุนงงอยู่พักใหญ่ ผมไม่คิดว่าด้วยภาษาหรอกที่ทำให้เราสื่อสารกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เพราะผมเองฟังภาษาใต้ก็พอจะเข้าใจบ้าง เห็นแกถ่อเรือถอยหลังเข้าไปในดงหญ้าแล้วปักไม่อยู่อย่างนั้น ผมพยายามสื่อจนเข้าใจได้ว่าลุงแกพยายามจะเซอร์ไพร์สพวกเราด้วยการ พยายามจะจับนกอีโก้งเป็นๆให้เราดู ลุงแกบอกว่าถ้าเห็นนกอีโก้งมุดลงไปในกอหญ้า มันจะเกาะหญ้าอยู่ตรงที่มันลงไปนั่นแหละ แต่ตอนนี้มันไปแล้ว เราเข้ามาไม่ทัน ลุงเลยไม่ได้จับให้ดู
 |
เรื่อแล่นตามร่องน้ำต่อไปยังอีกฝั่งเป็นวงกลม ตอนนี้ไม่เห็นคณะที่มาด้วยกันลำอื่นๆแล้ว เพราะต่างแยกไปคนละทางแล้วแต่คนขับเรือเขาจะพาไปทางไหน หรือเราอยากจะไปดูอะไรเป็นพิเศษ เมื่อเราพ้นจากกอหญ้านั้นไปก็จะเข้าไปในดง บัวหลวง หรือบางคนเรียกว่า บัวแดง ซึ่งชูก้านใบขึ้นสูงกว่าจะมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ถนัด น้ำที่นี่ยิ่งตื้นกว่าช่วงแรกๆที่มากันอีก ที่นี่เรามาเจอะกับลำอื่นๆที่หายไป กลุ่มบัวนั้นบานสะพรั่งชูกลีบดอกให้เราเห็นกันใกล้ๆตอนเรือแล่นผ่านกลีบดอกนั้นไป กลิ่นเกษรบัวหอมมากๆ
|
 |
 |
คนขับเรือพาพวกเราออกจากดงบัวนั้น วนกลับสู่อุทยาน ซึ่งทางนี้ไม่ค่อยมีพืชน้ำมากนั้นเป็นเวิ้งน้ำโล่ง เรือพาเราไปจุดที่เป็นสันดอนซึ่งจะมีนกเป็นผี (นกเป็ดน้ำพันธ์เล็ก) เกาะรวมกลุ่มกันอยู่เป็นฝูง บางส่วนลอยอยู่ในน้ำเป็นร้อยๆตัว ผมเรียกการขึ้นจากผิ้วน้ำของพวกมันว่า Take off มันจะกระพือปีกด้วยความเร็วสูง เท้าที่มีพังผืดของมันจะช่วยตะกุยด้วยทำให้การ Take off ของมันนั้นง่ายขึ้น ส่วนรันเวย์ผิวน้ำของพวกมันจะแตกกระจายเป็นฝอยสวยงาม มันจะไถลไปกับน้ำก่อนขึ้นบินสักพักน่าสนุกดีเหมือนกัน.. ผมกะว่าจะกลับไปถ่ายภาพดอกบัวอีกตอนกลับ แต่ปรากฎว่าดอกบัวที่เห็นบานสะพรั่งอยู่ตอนแรกนั้น พากันปิดประตูบ้านไปหมดแล้ว เสียดายจริงๆ รวมเวลาที่เราเพลินดูนกบ้าง ดูน้ำบ้าง ก็ปาเข้าไป 2 ชั่วโมงกว่า เราต้องขึ้นฝั่งไปหาอะไรทานกันแล้วหล่ะครับ ใกล้เที่ยงแล้ว หิวมากด้วย
|

 |
นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือไปชมนกน้ำได้