Welcome to
ห้องโหรแว่นทิพย์
ศาสตร์แห่งปัญญาเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
|
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว สานสัมพันธ์สองฝั่งโขง | |
| เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ
เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด คำกล่าวนี้ดูเหมือนจะสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่งของประเทศไทยให้เป็นที่กล่าวขานในหมู่คนไทยด้วยกันเองและชาวต่างชาติเป็นอย่างมากในช่วง 2 ปี ที่แล้ว เพราะประโยคดังกล่าวเป็นถือเป็นประโยคไฮไลท์ของภาพยนตร์เรื่อง 15 ค่ำเดือน 11 ซึ่งนำเสนอเกี่ยวกับปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค ที่ถือเป็นปรากฏการณ์พิศวงริมฝั่งโขง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเมื่อพูดถึง จังหวัดหนองคาย ก็ถือว่าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยที่มีความน่าสนใจไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ ทั้งนี้ก็เนื่องจากมีความหลากหลายในหลายด้านทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยไม่แพ้ที่ไหนจนได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับ 7 ของโลก (โดยการคัดเลือกจากนิตยสาร Modern Maturity)
|
เพราะถ้าว่ากันจริงๆ แล้วเมืองหนองคายแห่งนี้เรียกว่ามีของดีซ่อนอยู่ในตัว ดังจะเห็นได้จากคำขวัญประจำจังหวัดหนองคายที่ว่า วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาวคำขวัญสั้นๆ จดจำได้ง่ายแต่บอกเรื่องราวที่น่าสนใจของจังหวัดหนองคายได้เป็นอย่างดี อย่ามามัวพล่ามให้เสียเวลามาเริ่มออกเดินทางไปเที่ยวจังหวัดหนองคายกันตามคำเชื้อเชิญกันดีกว่า ไปเบิ่งให้เห็นกะตาว่าเมืองหนองคายมีอะไรน่าพิสมัยเป็นไปอย่างที่เขากล่าวอ้างไว้หรือเปล่า เริ่มเที่ยวกันที่การมาชม อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตในการปราบกบฏฮ่อเมื่อปี ร.ศ. 105 (พ.ศ. 2429) โดย เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมซึ่งเป็นแม่ทัพปราบกบฏฮ่อในครั้งนั้นรับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนความดีของผู้ที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมือง ที่อนุสาวรีย์ทั้ง 4 ทิศ มีคำจารึกภาษาไทย จีน ลาว และอังกฤษ และในวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปีจะมีการจัดงานบวงสรวงอนุสาวรีย์เพื่อเป็นการระลึกถึงวีกรรมในครั้งนั้น และเมื่อไปเที่ยวยังจังหวัดใดก็ตามสิ่งหนึ่งที่ขาดเสียไม่ได้ที่ว่าเมื่อไปถึงจังหวัดไหนๆ เป็นต้องไปกราบพระเพื่อความเป็นสิริมงคล และเมื่อมาที่จังหวัดหนองคาย ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาที่ วัดโพธิ์ชัย มาขอพร หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวเมืองหนองคายนับถือกันมาก หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุกงดงามมาก โดยทุกปีในวันเพ็ญกลางเดือน 7 ชาวหนองคายจะมีงานประเพณีบุญบั้งไฟบูชาพระใสที่วัดโพธิ์ชัยเป็นประจำ
|
อีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนมาคู่กันกับการกราบขอพรพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแล้ว การที่ได้ไปกราบขอพรจากพระธาตุซึ่งถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต่างให้ความเคารพสักการะไม่แพ้กัน ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะมีพระธาตุเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ตามแต่ละจังหวัดไป แต่ถ้ามาหนองคายแล้วไม่ไปไหว้ พระธาตุหนองคาย หรือ พระธาตุกลางน้ำ ก็กระไรอยู่ พระธาตุหนองคาย เป็นพระธาตุที่หักพังอยู่กลางลำน้ำโขง องค์พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 17.2 เมตร ย่อมุมที่ฐาน สูงประมาณ 28.5 เมตร หักออกเป็น 3 ท่อน เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุฝ่าพระบาทเก้าพระองค์ตามตำนานอุรังคธาตุ (พระพนม) นอกจากพระธาตุหนองคายแล้วก็ยังมี พระธาตุบังพวน ที่เป็นเจดีย์เก่าแก่ ที่ชาวหนองคายเคารพนับถือมาช้านาน ตัวองค์พระธาตุเดิมเป็นเจดีย์สร้างด้วยอิฐเผา มีรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่น ลักษณะเจดีย์เป็นรูปสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐมเจดีย์ และก็ยังมีวัดดังๆที่ผู้คนนิยมเดินทางไปสักการบูชาอยู่เสมอพร้อมกับไปดูสถาปัตยกรรมที่แปลกตาของวันนี้ คือ วัดแขก หรือ ศาลาแก้วกู่ ซึ่งเป็นวัดที่รวบรวมเทวรูป พระพุทธรูป ในลักษณะต่างๆไว้มากมาย เพื่อสื่อให้เห็นถึงกรรมดี กรรมชั่ว ตามหลักคำสอนของทุกศาสนา โดยวัดนี้ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 221 ห่างจากตัวเมืองหนองคายไปทาง อ.โพนพิสัย 3 กิโลเมตร เมื่อเอ่ยถึงอำเภอโพนพิสัยแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะพูดถึง บั้งไฟพญานาค ที่เป็นปรากฏการณ์ลูกไฟขนาดไข่ไก่ สีส้มอมชมพู พวยพุ่งมาจากผืนน้ำโขงในคืนวันออกพรรษา(15 ค่ำ เดือน 11) ซึ่งไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือปรากฏการณ์ไม่ธรรมชาติก็แล้วแต่ แต่ก็นับได้ว่าเป็นจุดขายให้ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาพิสูจน์ความอัศจรรย์ให้เห็นกับตาตนเอง ส่งผลให้ในคืนวันออกพรรษาที่จังหวัดหนองคาย ใน อ.โพนพิสัย รวมถึงในหลายพื้นที่ใน จ.หนองคาย เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มารอชมบั้งไฟพญานาค
|
หลุดจากเรื่องพิศวง เรามาต่อกันยังสถานที่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองหนองคายอีกแห่งหนึ่ง คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงจากอำเภอเมืองหนองคายไปยังเมืองท่าเดื่อ ของลาวซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเวียงจันทน์ ประมาณ 20 กิโลเมตร ตัวสะพานมีความยาว 1.20 กิโลเมตร กว้าง 15 เมตร มีช่องสำหรับเดินรถ 2 ช่องทาง ซึ่งตรงช่วงกลางสะพานออกแบบไว้สำหรับสร้างทางรถไฟ สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของ 3 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย ลาว และไทย นับว่าเป็นสะพานที่สร้างความสัมพันธ์ไทย-ลาว ให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ต้องการเดินทางจากหนองคายไปเวียงจันทน์จำเป็นต้องใช้สะพานแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวด้วยตนเองได้ แต่หากต้องการความสะดวกสบายสามารถใช้บริการนำเที่ยวจากบริษัทที่ได้รับอนุญาตตามกฏหมาย ด่านจะเปิดทุกวันระหว่างเวลา 06.0022.00 น. และเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ในปีนี้การก่อตั้งสะพานได้ดำเนินการครบรอบ 10 ปี จึงทำให้เกิดงานงานเฉลิมฉลอง 10 ปี สะพานมิตรภาพไทย-ลาว หนองคาย-เวียงจันทร์ ขึ้นในระหว่างวันที่ 1-9 พ.ค.47 ที่บริเวณหาดจอมมณีนี้ ซึ่งงานนี้ถือว่าเป็นงานใหญ่ระดับประเทศก็ว่าได้ ภายในงานมีการแสดงแสง สี เสียงผ่านจอผ่านน้ำขนาดยักษ์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวหนองคายมาก และยังมีการจัดแข่งขันพลุชิงแชมป์ประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรกอีกด้วย จึงทำให้ชาวหนองคายและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสถานที่จัดงานก็สามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้ เสียอยู่อย่างก็ตรงที่ต้องเสี่ยงกับสภาพความปรวนแปรของธรรมชาติริมน้ำโขงที่น้ำจะขึ้นๆ ลงกันสักหน่อย แต่เอาน่าไม่เป็นไรครั้งแรกก็ปรับปรุงกันไป เพราะเห็นว่าจะบรรจุงานใหญ่นี้ให้เป็นหนึ่งในกิจกรรมของการท่องเที่ยวหนองคายอีกงานหนึ่งและหวังให้เป็นงานระดับนานาชาติกันเลยทีเดียว
|
หันมาเอาใจนักเที่ยวที่ชอบช้อปปิ้งกันบ้างจะดีกว่า ไม่ขอพลาดที่จะแนะนำไห้ไปเดินช้อปละลายทรัพย์ในกระเป๋ากันที่ ตลาดท่าเสด็จ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมือง เป็นแหล่งรวมสินค้าที่มาจากแถบอินโดจีนและยุโรปตะวันออก มีทั้งผลิตภัณฑ์ประเภทข้าวของเครื่องใช้ทุกรูปแบบ อย่าง เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว ของตกแต่งบ้าน รวมทั้งพวกอาหารแห้ง อาหารแปรรูปต่างๆ มากมาย ตลาดเปิดจำหน่ายทุกวันเวลา 07.00-18.30 น. นอกจากนี้จังหวัดหนองคาย ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจอีกอย่าง เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว น้ำตกถ้ำฝุ่น น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกภูถ้ำพระ น้ำตกชะแนน น้ำตกธารทอง และน้ำตกธารทิพย์ รวมถึงวัดวาอารามต่างๆที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง รอให้ผู้ที่สนใจเดินทางไปเยี่ยมเยียน * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * การเดินทางไปหนองคายทางรถยนต์จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านสระบุรี แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 2 ผ่านนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย รวมระยะทาง 615 กิโลเมตร ทางรถไฟมีขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ-หนองคาย ทุกวัน สอบถามได้ที่หน่วยบริการเดินทาง โทร. 1690, 0-2223-7010, 0-2223-7020 โดยเครื่องบินสามารถไปได้โดยลงที่สนามบินจังหวัดอุดรธานี แล้วต่อรถเข้าหนองคายอีก 51 กม. สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับตารางการบินได้ที่การบินไทย โทร. 1566, 0-280-0060,0-2628-2000 หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 (อุดรธานี) โทร. 0-4232-5606-7 โดย ผู้จัดการออนไลน์ |